- สนามแม่เหล็กคืออะไร
และมีผลกระทบต่อการเดินของนาฬิกาอย่างไร
สนามแม่เหล็กเป็นแหล่งกำเนิดคลื่นแม่เหล็กซึ่งคลื่นดังกล่าวจะมีผลกระทบกับนาฬิการะบบเปลี่ยนถ่าน ( Quartz ) ที่มีเข็ม
แต่จะไม่มีผลกระทบกับนาฬิกาที่เป็นระบบ Digital (ตัวเลข)
ซึ่งนาฬิกาที่มีเข็มจะใช้พลังงานในการขับเคลื่อนเข็มนาฬิกาด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก
ที่ทำงานโดยอาศัยสนามแม่เหล็กในการควบคุมดังนั้นหากมีสนามแม่เหล็กจากภายนอกมารบกวน
ก็จะทำให้การทำงานของมอเตอร์ดังกล่าวเกิดความคลาดเคลื่อน ซึ่งจะทำให้นาฬิการะบบ Analogue เดินไม่เที่ยงตรงหรือหยุดทำงานไปเลย สำหรับนาฬิกากลไกอัตโนมัตินั้นในกรณีที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มสูง
จะมีผลต่อนาฬิกาประเภทนี้เช่นอาการเดินช้าหรือเร็ว ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการวางนาฬิกาไว้ใกล้แหล่งกำเนิดของสนามแม่เหล็ก
เช่นอุปกรณ์ไฟฟ้า, โทรศัพท์, ลำโพง, หรือตู้เย็น รวมถึงอุปกรณ์ Electronics อื่น ๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของนาฬิกา
- จำเป็นหรือไม่ที่ต้องส่งนาฬิกาเข้าตรวจเช็คเป็นประจำ
การตรวจเช็คและบำรุงรักษามีความจำเป็นสำหรับนาฬิกาเป็นอย่างมาก
โดยที่นาฬิการะบบควอทซ์ ได้ถูกออกแบบให้มีระบบแจ้งเตือนก่อนที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมด
โดยสังเกตได้จากการเดินของเข็มวินาทีซึ่งจะเดินครั้งละ 2-5 วินาที
นั้นคือการเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม นาฬิกาที่ใช้แบตเตอรี่
ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ ทุก2 หรือ 3 ปี โดยศูนย์บริการของนาฬิกายี่ห้อนั้นๆเท่านั้น
ซึ่งช่างจะตรวจเช็คนาฬิกาและทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในเครื่อง เช่น น้ำ ฝุ่น อื่นๆ
และสำหรับนาฬิการะบบอัตโนมัติ ก็ควรนำนาฬิกาเข้าตรวจเช็คและบำรุงรักษาเนื่องจากนาฬิกาประเภทนี้มีกลไกที่ซับซ้อนและมีความสึกหรอ หากน้ำมันที่ใช้หล่อลื่นเสื่อมสภาพ
หรือแห้งจึงจำเป็นต้องน้ำเข้ามาทำความสะอาดล้างเครื่องและหยอดน้ำมันเพื่อให้นาฬิกามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ทั้งนี้ควรนำนาฬิกาเข้ามาตรวจเช็คและบำรุงรักษา ทุก 3-5ปี
- ระดับอุณหภูมิมีผลกับนาฬิกาหรือไม่
มีผล เนื่องจาก
นาฬิกาจะสามารถเดินได้ดีในช่วงอุณหภูมิประมาณ 5-36องศาเซลเซียส
ซึ่งหากมีอุณหภูมิที่สูงกว่านั้นอาจส่งผลให้อะไหล่ภายในเกิดความเสียหายได้
- ตัวเรือนนาฬิกาซีดจางหรือลอกมีสาเหตุมาจากอะไร
สาเหตุของการที่ตัวเรือนนาฬิกาซีดจางหรือลอกนั้น
อาจเกิดจากสารเคมีต่างๆที่มีในเครื่องสำอาง น้ำหอมประเภทสเปรย์ หรือ ผงซักฟอก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่นาฬิกาที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีต่างๆเพื่อเป็นการถนอมนาฬิกาของท่าน
-แผ่นพลาสติกที่ติดมากับฝาหลังนาฬิกาควรดึงออกหรือไม่
ควรดึงออก เนื่องจาก
บริเวณรอบๆ แผ่นพลาสติกจะเป็นที่สะสมของคราบต่างๆเมื่อนาฬิกาได้ถูกใช้งาน
ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้ฝาหลังนาฬิกาเกิดสนิมและผุได้
- ควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาบ่อยแค่ไหน
ถ่านนาฬิกาทั่วไปมีอายุโดยเฉลี่ยประมาณ
2 ปีแต่ถ่านสำหรับนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นจับเวลา หรือ
สามารถกดปุ่มไฟได้อาจอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี
ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆอย่างไรก็ดีควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาตามระยะเวลาที่กำหนด
เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไปสารจากถ่านจะรั่ว และกัดกร่อน จนทำให้เฟืองนาฬิกาเสียได้
-ทำไมเปลี่ยนถ่านนาฬิกายี่ห้อเดียวกันแต่ราคาแตกต่างกัน
เนื่องจากนาฬิกาบางรุ่น
ถึงแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันแต่ก็มีฟังก์ชั่นแตกต่างกันไปเช่น ปุ่มกดไฟ หรือ
มีหน้าปัดบอกเวลามากกว่า 1 อัน ซึ่งนั้นก็หมายความว่า
นาฬิการุ่นนั้นใช้ถ่านมากกว่า 1 ก้อนดังนั้นราคาของถ่านจึงขึ้นอยู่กับว่า
ทางศูนย์ฯได้เปลี่ยนถ่านกี่ก้อนกับนาฬิกาเรือนนั้นๆ
- ทำไมนาฬิกาไม่เดิน (กลไกอัตโนมัติ)
นาฬิกากลไกอัตโนมัติก่อนการสวมใส่ควรไขลานนาฬิกาเพื่อเป็นการช่วยทำให้ลูกเหวี่ยงภายในทำงานเพราะการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเดียว
ไม่เพียงพอต่อการขึ้นลานของนาฬิกาอาจเป็นสาเหตุให้นาฬิกาหยุดเดิน หรือ
นาฬิกาอาจมีการกระแทกหรือกระเทือน ทำให้อะไหล่ภายในหลุดหรือคลายตัว
ส่งผลให้กลไลต่างๆ ไม่ทำงานโดยปรกตินาฬิกาอัตโนมัติ
โรงงานจะแนะนำให้ล้างเครื่องทุกๆ 3-5 ปี
เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่เนื่องจากเมื่อลูกค้าใช้นาฬิกาไปนานๆ
จะมีความชื้น คราบฝุ่นละอองคราบน้ำมันจักรต่างๆ สะสมอยู่ ส่งผลให้นาฬิกาเดินได้ไม่ดีเท่าที่ควร
-ทำอย่างไรให้นาฬิกาทำงานอย่างเที่ยงตรงเสมอ
ไม่ควรทิ้งนาฬิกาไว้ในที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำจนเกินไปเป็นเวลานานหลีกเลี่ยงการกระแทกแรงๆ
และบริเวณที่มีอุปกรณ์แม่เหล็กหรือสนามแม่เหล็กสูง
-ดูแลรักษานาฬิกากันน้ำอย่างไรดี
1. ส่งเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คอย่างน้อยปีละครั้ง
และเปลี่ยนยางกันน้ำสม่ำเสมอ (ทุก 2 ปี )
หรือทันทีที่ชำรุดโดยเฉพาะถ้าใส่นาฬิกาโดนน้ำเป็นประจำ
2.
ตรวจสอบเม็ดมะยมว่าขันแน่นทุกครั้งก่อนว่ายน้ำ และไม่ได้กดปุ่มใดๆ เอาไว้
3.
หลังว่ายน้ำในทะเลหรือสระว่ายน้ำซึ่งมีส่วนผสมของคลอรีนควรล้างนาฬิกาด้วยน้ำสะอาดโดยเปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่านนาฬิกา
4. ไม่ควรใส่นาฬิกาอาบน้ำ
ถึงแม้ว่าจะเป็นนาฬิกากันน้ำเพราะสบู่จะลดแรงตึงผิวของน้ำ
ทำให้น้ำซึมเข้าไปในนาฬิกาได้
5.
ระมัดระวังเม็ดมะยมและปุ่มกดขณะที่นาฬิกาเปียกเนื่องจากอาจทำให้ความชื้นเข้าไปภายในเครื่องได้
-ทำไมต้องล้างเครื่องนาฬิกา
การล้างเครื่องจะเปรียบเหมือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ
ของรถยนต์ เพราะว่านอกจากจะต้องถอดทุกชิ้นนำออกมาทำความสะอาดแล้ว ยังจะต้องหยอดน้ำมันหลายชนิดตามจุดต่าง
ๆ ที่เหมาะสมซึ่งจะทำให้ชิ้นสิ้นต่าง ๆ
ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งจะเป็นการรักษาและยืดอายุการใช้งานของเครื่องดังนั้นท่านควรนำไปตรวจเช็คสภาพความเที่ยงตรงและความสมบูรณ์ของกลไกภายในเพื่อที่ช่างจะได้รู้ว่ามีความสกปรกภายในหรือน้ำมันหล่อลื่นตามจุดต่าง
ๆแห้งหนืดหรือไม่ ทั้งนี้ ตามมาตรฐานของผู้ผลิตจะแนะนำให้ล้างเครื่องทุก ๆ 3-5 ปี
ขอบคุณบทความดีๆ จาก
โทรคาเดโร กรุ๊ป