แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไซโก้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไซโก้ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 2


ในยุคนั้นการจะหานาฬิกา Monster ราคาตลาดแบบนิ่งๆนั้นเป็นสิ่งที่หายากมากๆ พอๆกับหานาฬิกา Monster สีหน้าปัดที่ถูกใจเพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็เน้นหน้าปัดสีดำ บางคนก็เน้นหน้าปัดสีส้ม ทำให้ต่างๆหาMonster กันไปทั่วตลาด พร้อมกับราคาตลาดที่วิ่งไปๆมาๆ ที่เด็ดกว่านั้น ใส่แล้วเบื่อๆ อาจจะขายได้ราคาพอๆกับตอนไปสอยมาก็ได้ นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากๆสำหรับนาฬิกา Entry Level อย่างเจ้า Monster การออกแบบของMonsterนั้น นับว่าแหวกแนวกว่านาฬิกาเจ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือน Steel บึกๆ ขนาดใหญ่ที่หนักอึ้ง สายเหล็กที่แน่นหนา พร้อม Extension ที่ขยายได้สำหรับใส่ Wet Suit ดำน้ำ พร้อมระบบดับเบิลล็อค เพื่อล็อคสายให้มั่นคงแข็งแรง ขณะทำกิจกรรมต่าง
หรือจะเป็นวงแหวนจับเวลาที่ขอบถูกออกแบบให้ใหญ่ชัดเจนพร้อมด้านข้างที่มีช่องเว้าขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับได้อย่างสะดวกแม้ยามใส่ถุงมือดำน้ำก็ตามและตัววงแหวนจับเวลายังหมุนทิศทางเดียวเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย เรียกได้ว่ายึดถือการออกแบบตามนาฬิกาดำน้ำแบบมืออาชีพกันเลยทีเดียว ข้อดีเหล่านี้เองทำให้ Monsterได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในตลาดนาฬืกา Entry Level คิดเอาเองแล้วกันครับ




ดังขนาดที่ Seikoส่งเจ้าMonster รุ่นพิเศษสำหรับประเทศไทยเปิดตัวในปี 2003 ที่เป็นหน้าปัดสีเหลืองสด กระจกเป็นแบบ Crytal Sapphireพร้องเลนส์ขยายวันที่ หรือเรียกกันติดปากว่า Cyclop ผมได้มีโอกาสอยู่ในการเปิดขายนาฬิการุ่นนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในงานนาฬิกาแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ที่แม้ในตอนนั้นการประชาสัมพันธ์จะไม่ได้ทำอะไรมากมายนักแต่เมื่อเปิดขายกลับกลายเป็นว่ามีผู้คนต่างแย่งซื้อมากมายจนหมดในเวลาไม่นาน และบรรดาตัวแทนขายต่างๆ และร้านทั่วไปก็โดนโทรตามให้วุ่นจากคนที่พลาดจากการซื้อในงานและเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำราคาขายต่อได้ดีมาก ถ้าผมจำไม่ผิดราคาขายของเจ้ารุ่นนี้เคยทะยายไปถึง 40,000 บาท จากราคานาฬิกาแค่หมื่นนิดๆเท่านั้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดของวงการนาฬิกาที่หาไม่ได้ง่ายนักและจะหาใครมาเทียบเคียงก็คงจะยากอีกเหมือนกันและความนิยมในตัว Monsterก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ทั้งๆที่ตัวหน้าปัดสีเหลืองหมดได้จากตัวแทนจำหน่ายไปแล้ว ทำให้ช่วงปี 2005-2006 ไซโก้ได้ส่ง Blue Monsterลงสู่ตลาดเพื่อเอาใจแฟนๆอีกครั้ง



 ถัดมาในปี 2007 ก็ส่งอีกรุ่นคือ Red Monsterมาเพิ่มความฮิตของกระแสMonsterให้โด่งดังมากขึ้นและ Seikoก็ได้ส่ง Monster ออกมาอีกหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่น Black×Black Monster ที่ผลิตเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้นและไม่นับรวมรุ่นย่อยๆอีกมากมาย อย่างเช่นรุ่น Land Monster , Price Monster , Mini Monster นับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น คนทั่วโลกก็ยังคงความสนใจอยู่ไม่เสื่อคลาย และปี 2010 ก็เขย่าวงการอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ Green Monster ซึ่งกระแสในขณะนี้ถือว่าร้อนแรงสุดๆ เพราะขนาดต้องลงคิวจองยาวเป็นหางว่าวและคาดว่า Green Monsterรุ่นนี้จะหมดตลาดไปอย่างรวดเร็ว คงมีเหลือแต่ราคาในตลาดขายต่อที่มีการเพิ่มราคาสูงขึ้นกว่าเดิมไปมากเเล้ว



Seiko Monster ถือเป็นการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น วงการนาฬิการะดับราคา Entry Level และจุดเริ่มต้นความโด่งดังนั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศไทย จากที่ ไซโก้ เคยคิดแต่เพียงว่าเป็นนาฬิกา Driver ที่หน้าตาดีๆ ดุๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน การขยับตัวของ Monsterนั้น ส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อวงการนาฬิกา และนี่ก็คือ ตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าปีศาจตนนี้นั่นเองครับ


เครดิต หนังสือ 1PM Magazine
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 1

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 1


กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเล

ไซโก้ ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มียอดการผลิตนาฬิกาในแต่ละปีนับสิบล้านเรือนและในทุกๆก็มีรุ่นใหม่ๆออกมาเขย่าตลาดเสมอ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เด็กหรือคนแก่ต่างก็เข้าใจกันว่า Seiko คือนาฬิกาแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ดีและราคาไม่แพง ตัว ไซโก้ เองก็มีนาฬิกามากมายหลายรุ่นที่เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆไม่เว้นแต่นาฬิกาข้อมือในกลุ่ม Driver ที่เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่ต้องการความสมบุกสมบันในราคาไม่แพงและเชื่อถือได้ ฟังดูใครๆก็ทำอย่าง Seiko ได้ แต่ถ้าคิดให้ดีๆว่า บริษัทที่ผลิตนาฬิกาในแต่ปีละหลายสิบล้านเรือนจะผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีๆ เชื่อถือได้ในราคาหลักพันหลักหมื่นที่ทำงานด้วยกลไกได้ดีแล้วละก็ บอกเลยว่าในโลกนี้หาใครที่จะเทียบเคียงเท่า Seiko คงไม่มีอีกแล้ว และในปัจจุบัน Seiko ก็ยังคงแนวทางนั้นอยู่เหมือนเดิมทุกประการ



 เข้าเรื่องกับเจ้า Monster ตามที่จั่วหน้าไว้ตามหัว เรื่องข้างบนบ้าง เรื่องของเรื่องคือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver หรือเรียกง่ายๆว่านาฬิกาดำน้ำออกมามากมายก่ายกอง รุ่นเหล่านั้นก็ขายดีแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่เมื่อย้อยกลับไปไม่กี่ปีมานี้ในช่วงราวปี 2000 Seiko ก็ทำให้เราๆชาวไทยได้รู้จักนาฬิกา Driver รุ่นหนึ่งที่เป็นจุดตำนานความโด่งดังไปทั่วประเทศไทยและทั่วโลกคือ Seiko Monster นั่นเองและก็ต้องยอมรับอย่างภูมิใจว่ารุ่นนาฬิกา Seiko นั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยและโด่งดังจนเข้าใจและเรียกกันไปไกลทั่วโลกแถม Seikoเองก็ชอบชื่อนี้เสียด้วย ทำให้การแนะนำนาฬิกาในซีรีย์นี้ถูกเรียกขานในชื่อ Monster ไปโดยปริยาย การตั้งชื่อเรียก Monster เกิดจากสองบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกามาอย่างยาวนานและถ้าใครเล่นเว็บนาฬิกาต่างๆมานานพอแล้วหละก็ คงพอจำได้หรือคุ้นชื่อทั้งสองท่าน เป็นอย่างดีแน่นอน คงแรกก็คือ ทอมมี่ แห่งเว็บไซต์ Siamnaliga.com และคนที่สองคือคุณ Reto Cascellazzi แห่ง Poorman’s watch forum ชาวสวิตที่พำนักอยู่เมืองไทยและหลงใหลนาฬิกาเช่นกันทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่คอยเฟ้นหานาฬิกาดีๆ ราคาไม่แพง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดาเพื่อนๆ และสมาชิกเว็บอยู่เสมอ และเมื่อ Moster ออกขายในปี 2000 ก็ยังไม่ดังเปรี้ยงร้าง มากนัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะ Seiko ในตอนนั้นไม้ได้คิดว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเด่นดังเหมือนในทุกวันนี้ก็เป็นได้ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในปี2002 บุคคลทั้งสองท่านก็ได้นำเจ้า Moster มาพูดคุยกับเพื่อนๆที่รู้จักและตั้งชื่อเล่นๆว่า Monster ด้วยหน้าตารูปลักษณ์เหมือน Sea Monster ที่บึกบึน ใหญ่ หนา หนักเป็นที่สุด แต่ประเด็นที่ส่งต่อความดังก็คือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีมากๆเรือนกนึ่งในราคาแค่หลักพัน พร้อมคุณสมบัติมากมายเหมือนนาฬิกาDriver ราคาแพง แถมการผลิตก็อยู่ในระดับที่ดีด้วย พูดตรงๆ นาฬิกาแบนด์สวิตบางแบรนด์อาจจะต้องอายม้วนไปก็ได้ ไม่ว่าจะราคาหรือคุณภาพการผลิตและหลังจานั้นชื่อ Monster ก็ได้จารึกอยู่ในใจนักสะสมมากมายและขยายขจรไกลไปทั่วทั้งโลก Monsterในยุคเริ่มแรกนั้นแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ก็คือ รุ่น หน้าปัดสีดำSKX779K1 และหน้าปัดสีส้มสดSKX781K1
SKX779K1


SKX781K1

เครดิต หนังสือ 1PM Magazine
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 2

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

วิธีดูสายสแตนเลสไซโก้ปลอม

สายสแตนเลสไซโก้รุ่นเก่า สำหรับท่านที่เก็บสะสมนาฬิกาไซโก้เวลาเลือกซื้อนาฬิกาไซโก้เก่ามือสองอาจจะ มีโอกาสเจอครับ เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าตัวนาฬิกาข้อมือมีการใช้งานที่ยาวนานทำให้สายเกิดความเสีย หายซึ่งอาจจะหาสายเดิมไม่ได้ หรือไม่ก็ผู้ขายต่อต้องการประหยัดต้นทุน จึงนำสายปลอมมาใส่แทนอีกประเด็นคือความไม่รู้ไม่ว่ากรณีใดก็แล้วแต่ มีข้อสังเกตุคือ ผิวโลหะจะไม่มันเงา และน้ำหนักของปลอมจะเบากว่าของแท้ เนื่องจากไม่ใช่ สแตนเลสคุณภาพสูงเหมือนของจริงและที่สำคัญคำว่า Seiko ตรงบานพับจะไม่คมชัดเจนเหมือนของจริง ตามรูป พอดูเป็นแนวทางได้ครับ



วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

ฝ้าตรงหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ

ฝ้าตรงหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ 

หลายคนคงสงสัยว่าทำใมนาฬิกาข้อมือที่ซื้อมาเมื่อใช้ไปสักพักเกิดฝ้าเกาะที่หน้าปัดทั้ง
ที่ไม่ได้โดนน้ำเลย ลักษณะนี้ไม่ใช่น้ำเข้าครับ เกิดจากน้ำมันจักรที่หยอดมาเพื่อเพิ่มความหล่อหลื่น
ให้กับเครื่องออโตเมติกมันระเหยขึ้นมาเกาะอันเนื่องมาจากหลายสาเหตุเช่นอุณหภูมิที่สูงขึ้นหรือผู้ผลิต
หยอดน้ำมันมามากเกินไปแต่ไม่ต้องตกใจครับ เอาเข้าไปที่ศูนย์หรือร้านซ่อม เค้าจะทำการถอดและเช็ดให้ สำหรับนาฬิกาข้อมือไซโก้นานๆจะเจอสักตัวนึงครับ





วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Seiko Sea Lion C22



ไซโก้ Seiko Sea Lion
C22 ตัวนี้ได้มาจากในเน็ตครับราคา สองพันต้นๆ เป็นนาฬิกาในยุค 60 เครื่องไซโก้ ไขลาน 6602 บอดี้ 8000 Diashock ทับทิม 17 เม็ด แสดงเวลาแบบสามเข็มหน้าปัดสีเงิน (silver)ขนาดตัวเรือนประมาณ 36mm หนา 11mm แสดงวันที่ตรง 3นาฬิกา กระจกอะคริลิก (พลาสติก) นูน ฝาหลังเกลียว สวยคลาสสิคไม่เบาครับ โดยส่วนตัวผมชอบมากครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

Seiko Monster Diver’s 200M Automatic



นาฬิกาข้อมือ ไซโก้เป็นนาฬิกาที่อยู่คู่คนไทยมานาน นักสะสมไม่น้อยที่เริ่มจากยี่ห้อนี้
เนื่องจาก มีความทนทาน คุณภาพใช้ได้ และที่สำคัญราคาไม่แพงในรุ่นธรรมดาทั่วไป
ส่วนในรุ่นเทพ ราคาจะสูงแต่เมื่อเทียบกับนาฬิกาข้อมือในระดับเดียวกันก็ถือว่าไม่แพงครับ
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนาฬิกาไซโก้จึงครองใจแฟนๆ มาจนถึงประจุบัน



วันี้มี Seiko Monster ตัวสุดฮิตอีกรุ่นนึงที่แฟนๆไซโก้บ้านเรานิยมกันพอสมควร
คือ SKX779K1 และ SKX781K1 สองตัวนี้ต่างกันที่สีหน้าปัดครับ นอกนั้นหมือนกันครับ

SKX779K1




เม็ดมะยม ล๊อคแบบเกลียว
เครื่องระบบ ออโตเมติก 7S26
ขนาดตัวเรือน 44 มม. หนา 13 มม.
กันน้ำ 200 เมตร
กรอบหน้าหมุนได้ ทิศทางเดียว



ระบบการล๊อค สาย แบบล๊อค 2 ชั้น



ฝาหลังแบบเกลียว




SKX781K1








วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Where High Performance Meets Steamlined Design by… SEIKO



ด้วย ศรัทธาและความื่อในเทคโนโลยีแห่งความเที่ยงตรงของเรือนเวลา ปลุกให้ไซโก้ (SEIKO) นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยลุกขึ้นมาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ผสมผสานอย่างลงตัว กับงานดีไซน์อย่างต่อเนื่อง มาเป็นเวลาหลายทศวรรตที่ผ่านมา โดยทุ่มเทและให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับความหมายของคำว่า “เครื่องบอกเวลาอันเที่ยงตรง” โดยแท้ จนเป็นที่มาของสมรรถนะสูงสุดของการแสดงเวลา บวกกับสายธารแห่งการออกแบบที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จของเหล่าบรรพบุรุษนาฬิกา ในแต่ละคอลเลคชั่นของแบรนด์จวบจนทุกวันนี้ เราก็ยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มลึกในทุกองค์ประกอบของนาฬิกา SEIKO

อ่านต่อ........

http://www.weloveshopping.com/template/e1/show_article.php?shopid=139587&qid=99907

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

นาฬิกาข้อมือ ไซโก้ Sportura Kinetic Chrograph

Sportura Kinetic Chrograph

นาฬิกาข้อมือ ไซโก้ Sportura Kinetic Chrograph สปอร์ตโครโนกราฟที่พัฒนาการดีไซน์พร้อมฟังก์ชันพิเศษ นำเอาเทคโนโลยีของระบบจักกลรุ่นใหม่ล่าสุด Kinetic นวัตกรรมหนึ่งเดียวของ SEIKO ที่ผสมผสานไว้ในนวัตกรรมเรือนสปอร์ตรุ่นล่าสุด โครโนกราฟฟังก์ชัน จับเวลาได้ละเอียดถึง 1/5 วินาที ได้นาน 45 นาที สำรองพลังงานได้นานถึง 5 เดือน กระจกคริสตัลซัฟไฟร์ที่กันแสงสะท้อนและรอยขีดข่วน เม็ดมะยมเกลียว ตัวเรือนเรือนสเตนเลสสตีล โดยเคลือบ Black IP Coating ฝาหลังเปลือยให้เห็นการทำงานของเครื่อง กันน้ำ 100 เมตร มีให้เลือก 2 สไตล์สายหนังสปอร์ตสีดำเข้มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายของชิ้นส่วนรถแข่ง เอฟวัน (SNL043P2) และเท่อย่างมีระดับอีกสไตล์กับสายสเตนเลสสตีล (SNL043) สาวกไซโก้ อย่าพลาด

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

ไซโก้ กลไกแห่งการพัฒนา Seiko in Number

ตำนานของไซโก้ คือตำนานขององกรค์ที่ไม่กลัวที่จะฝันและปราถนาในสิ่งที่เหมือนจะเป็นไปไม่ ได้ ตลอดระยะเวลา 127 ปี ไซโก้ได้สร้างต้นแบบเทคโนโลยีแห่งการเวลาถึง 4 ชนิดนั่นคือ Spring Drive, Mechanical, Kinetic และ Quartz.

ไซโก้ ได้พัฒนากลไกเหล่านี้จากความชำนาญในระดับสูงสุด แต่ละชนิดถูกพัฒนาต่อไปและแตกแขนงออกไปอย่างไม่กลัวที่จะฝันถึงในสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ ตำนานไซโก้ คือตำนานแห่งพัฒนาการทางเทคโนโลยี ความสัมพันธ์เหล่านี้ถูกบ่งบอกในรูปแบบหมายเลข

Cal. 290 เป็นกลไกต้นแบบของ Magic Lever นาฬิกาไขลานอัตโนมัติที่ออกมาเมื่อปี 1959 Magic Lever เป็นชิ้นส่วนสำคัญของนาฬิกาแบบ Gyro Marvel self-winding ที่ใช้เครื่องรุ่น 290 ชิ้นส่วนที่สำคัญนี้เป็นตัวเปลี่ยนการแกว่งของโรเตอร์เป็นพลังงานให้กับ นาฬิกาไม่ว่าโรเตอร์จะแกว่งไปทางไหน คานชิ้นนี้ก็จะหมุนไปในทิศทางเดียวตลอดเพื่อขันลานให้กับ Main Spring เป็นเวลาเกือบ 50 ปีแล้วที่มันแพร่หลายอยู่ในตลาดและมันก็เป็นเทคโนโลยีต้นแบบของ Seiko Spring Drive ที่ออกมาในปี 2005

1/400 QC-951 Crystal Chronometer ขนาดลดลง 400 เท่าจากปกติที่ใหญ่โตขนาดตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ QC-951 เป็น Quartz Chronometer ที่ถูกพํฒนาขึ้นเพื่อใช้จับเวลาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 1964 เป็นนาฬิกาจับเวลาแบบพกพาที่ใช้ระบบ quartz เรือนแรกที่พัฒนาขึ้นโดย Seiko ปี 1974 จึงเป็นปีเริ่มต้นของการจับเวลาที่แม่นยำถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

1278 นาฬิกาจับเวลาของ Seiko จำนวน 1,278 เรือนถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่โตเกียวในปี 1974 ด้วยความทุ่มเทและเสียสละของวิศวกรของ Seiko มั่นใจได้ว่าไม่มีความผิดพลาดในเสี้ยววินาที และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Seiko นับแต่นั้นเป็นต้นมา

6425 มาตรฐานสากล ISO 6425 ถูกกำหนดขึ้นโดยอ้างอิงค์จากนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ไซโก้ ได้พัฒนานาฬิกาดำน้ำมาอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่นแรกที่ออกสู่ตลาดในปี 1965 และได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจอย่างสูงจากทั่วโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

1 Seiko ได้รับรางวัล "Best mechanical chronometer" ด้วยคะแนนสูงสุดตั้งแต่เคยมีมาในการประกวด Geneva Observatory Competition ในปี 1968 เป็นคะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสน์ของงานนี้ ส่งผลให้ Seiko ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

1969 นาฬิกาข้อมือ Quartz เรือนแรกของโลก Astron จาก Seiko วางตลาดในปี 1969 จากเทคโนโลยีที่ใช้ในการแข่งขัน ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับทุกคน จัดว่าเป็นเหตุการสำคัญทึ่สุดเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสน์ของ Seiko มันได้รับรางวัล IEEE milestone award ในปี 2004 ปัจจุบันการออกแบบนาฬิกา Quartz ของ Seiko เป็นมาตรฐานสำหรับทั่วโลก เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างหลากหลายเช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ตอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งกล้องดิจิตอล

1986 นาฬิกาข้อมือ Kinetic ของ Seiko เผยโฉมครั้งแรกในงาน Basel ในปี 1986 จากนั้นเป็นต้นมา กลไก Kinetic ของ Seiko กลายเป็นกลไกพื้นฐานสำคัญของนาฬิกา Mechanical watch ของ Seiko จนกระทั่งพัฒนามาเป็น Spring Drive ใที่สุด

60000 ตัวขับเคลื่อนพลังงาน Kinetic ของนาฬิกา Seiko ทำงานที่ 60,000 รอบ/นาที เป็นจำนวนรอบบการทำงานของ oscillating weight ที่มีรอบจัดมากกว่าเครื่องรถฟอมูล่าวัน 4,000 ถึง 20,000 รอบ/นาที

3 การปรับตำแหน่งที่ละเอียดอ่อน 3 ตำแหน่งในครั้งเดียว three-point hammer ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Seiko โดยชิ้นส่วนหนึ่งชั้นที่ทำการ reset เข็มทั้งสามของเครื่อง Chronograph 8R ไปที่ตำแหน่ง 0 โดยการกดเพียงครั้งเดียว ช่องว่างระหว่างจุดศูนย์กลางของกระเดื่องและแกน Guide Axis คือตวามลับของระบบนี้

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

นาฬิกาข้อมือ Seiko The Jungle Sports Automatic SKZ211K1

Seiko The Jungle Sports Automatic SKZ211K1

นาฬิกาข้อมือจักรกลอัตโนมัติรูปทรงสปอร์ต มาดมั่นบึกบึน ขอบหน้าปัดสามารถหมุนเพื่อแสดงทิศทาง เครื่อง 7S36 ทับทิม 23 เม็ด ตัวเรือน 43 mm(ไม่รวมเม็ด) และสายทำจากสเตนเลสคุณภาพสูงจากไซโก้ เม็ดมะยมเกลียว ฝาหลังเกลียว กันน้ำ 200 เมตรแฟนไซโก้ ที่รักการผจญภัยและนาฬิกาตัวใหญ่ไม่ผิดหวังครับ

แพ็คเก็จประกอบด้วยกล่อง คู่มือใบรับประกัน และผ้าเช็ดนาฬิกาจากไซโก้

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีการดู ซีรี่นัมเบอร์ไซโก้


สำหรับบางท่านที่ ยังไม่รู้ มีวิธีการดู ซีรี่นัมเบอร์ไซโก้ ก็ประมาณนี้ครับเลขตรงฝาหลัง ด้านล่าง 074372เลขตัวแรก 0 หมายถึง ตัวเลขหลักสุดท้ายปีที่ผลิต เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ปีที่รุ่นนี้เริ่มผลิตก่อน รุ่นนี้เริ่มผลิต ปี 1970 ถ้าเลขตัวนี้เป็น 1 จะเท่ากับว่านาฬิกาตัวนี้ผลิตปี1971 ถ้าเป็นเลขอื่นๆ ก็จะไล่ไปตามลำดับเลขตัวที่สอง 7 หมายถึง เดือนที่ผลิต เพราะฉะนั้นตัวนี้ผลิต เดือน กรกฎาคม ตัวเลขหลักนี้ใช้แทนเดือน 1-9 ส่วนเดือน10-12ใช้ตัวหนังสือคือ O, N, D ตามลำดับเลขสี่ตัวหลัง หมายถึงเลขประจำตัวเรือน ที่ไซโก้ใช้อ้างอิง ในกระบวนการผลิตและจัดการของไซโก้ส่วน คำว่า JAPAN J ด้านล่างตัวเลข หมายถึง โรงงานที่ผลิตของ ไซโก้ ในญี่ปุ่น ซึ่งมีอยู่หลายโรงงาน เพราะฉะนั้น อาจเป็น JAPAN Y, A, D หรือตัวอื่นๆ แล้วแต่ว่าออกมาจากโรงงานใหน ของไซโก้ ในญี่ปุ่น ใหนๆ ก็ใหนๆ แล้วเอาให้หมด ตัวเลขในขอบด้านบน 6119-84706119 คือ เลขรุ่นเครื่องจักรที่ใช้ในนาฬิกาตัวนี้ 8470 คือ เลขบอกลักษณะของ รูปร่าง ตัวเรือน


***ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเล 2


ในยุคนั้นการจะหานาฬิกา Monster ราคาตลาดแบบนิ่งๆนั้นเป็นสิ่งที่หายากมากๆ พอๆกับหานาฬิกา Monster สีหน้าปัดที่ถูกใจเพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็เน้นหน้าปัดสีดำ บางคนก็เน้นหน้าปัดสีส้ม ทำให้ต่างๆหาMonster กันไปทั่วตลาด พร้อมกับราคาตลาดที่วิ่งไปๆมาๆ ที่เด็ดกว่านั้น ใส่แล้วเบื่อๆ อาจจะขายได้ราคาพอๆกับตอนไปสอยมาก็ได้ นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากๆสำหรับนาฬิกา Entry Level อย่างเจ้า Monster การออกแบบของMonsterนั้น นับว่าแหวกแนวกว่านาฬิกาเจ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือน Steel บึกๆ ขนาดใหญ่ที่หนักอึ้ง สายเหล็กที่แน่นหนา พร้อม Extension ที่ขยายได้สำหรับใส่ Wet Suit ดำน้ำ พร้อมระบบดับเบิลล็อค เพื่อล็อคสายให้มั่นคงแข็งแรง ขณะทำกิจกรรมต่าง
หรือจะเป็นวงแหวนจับเวลาที่ขอบถูกออกแบบให้ใหญ่ชัดเจนพร้อมด้านข้างที่มีช่องเว้าขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับได้อย่างสะดวกแม้ยามใส่ถุงมือดำน้ำก็ตามและตัววงแหวนจับเวลายังหมุนทิศทางเดียวเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย เรียกได้ว่ายึดถือการออกแบบตามนาฬิกาดำน้ำแบบมืออาชีพกันเลยทีเดียว ข้อดีเหล่านี้เองทำให้ Monsterได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในตลาดนาฬืกา Entry Level คิดเอาเองแล้วกันครับ




ดังขนาดที่ Seikoส่งเจ้าMonster รุ่นพิเศษสำหรับประเทศไทยเปิดตัวในปี 2003 ที่เป็นหน้าปัดสีเหลืองสด กระจกเป็นแบบ Crytal Sapphireพร้องเลนส์ขยายวันที่ หรือเรียกกันติดปากว่า Cyclop ผมได้มีโอกาสอยู่ในการเปิดขายนาฬิการุ่นนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในงานนาฬิกาแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ที่แม้ในตอนนั้นการประชาสัมพันธ์จะไม่ได้ทำอะไรมากมายนักแต่เมื่อเปิดขายกลับกลายเป็นว่ามีผู้คนต่างแย่งซื้อมากมายจนหมดในเวลาไม่นาน และบรรดาตัวแทนขายต่างๆ และร้านทั่วไปก็โดนโทรตามให้วุ่นจากคนที่พลาดจากการซื้อในงานและเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำราคาขายต่อได้ดีมาก ถ้าผมจำไม่ผิดราคาขายของเจ้ารุ่นนี้เคยทะยายไปถึง 40,000 บาท จากราคานาฬิกาแค่หมื่นนิดๆเท่านั้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดของวงการนาฬิกาที่หาไม่ได้ง่ายนักและจะหาใครมาเทียบเคียงก็คงจะยากอีกเหมือนกันและความนิยมในตัว Monsterก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ทั้งๆที่ตัวหน้าปัดสีเหลืองหมดได้จากตัวแทนจำหน่ายไปแล้ว ทำให้ช่วงปี 2005-2006 ไซโก้ได้ส่ง Blue Monsterลงสู่ตลาดเพื่อเอาใจแฟนๆอีกครั้ง



 ถัดมาในปี 2007 ก็ส่งอีกรุ่นคือ Red Monsterมาเพิ่มความฮิตของกระแสMonsterให้โด่งดังมากขึ้นและ Seikoก็ได้ส่ง Monster ออกมาอีกหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่น Black×Black Monster ที่ผลิตเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้นและไม่นับรวมรุ่นย่อยๆอีกมากมาย อย่างเช่นรุ่น Land Monster , Price Monster , Mini Monster นับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น คนทั่วโลกก็ยังคงความสนใจอยู่ไม่เสื่อคลาย และปี 2010 ก็เขย่าวงการอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ Green Monster ซึ่งกระแสในขณะนี้ถือว่าร้อนแรงสุดๆ เพราะขนาดต้องลงคิวจองยาวเป็นหางว่าวและคาดว่า Green Monsterรุ่นนี้จะหมดตลาดไปอย่างรวดเร็ว คงมีเหลือแต่ราคาในตลาดขายต่อที่มีการเพิ่มราคาสูงขึ้นกว่าเดิมไปมากเเล้ว



Seiko Monster ถือเป็นการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น วงการนาฬิการะดับราคา Entry Level และจุดเริ่มต้นความโด่งดังนั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศไทย จากที่ ไซโก้ เคยคิดแต่เพียงว่าเป็นนาฬิกา Driver ที่หน้าตาดีๆ ดุๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน การขยับตัวของ Monsterนั้น ส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อวงการนาฬิกา และนี่ก็คือ ตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าปีศาจตนนี้นั่นเองครับ


เครดิต หนังสือ 1PM Magazine

Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเล 1


กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเล

ไซโก้ ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มียอดการผลิตนาฬิกาในแต่ละปีนับสิบล้านเรือนและในทุกๆก็มีรุ่นใหม่ๆออกมาเขย่าตลาดเสมอ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เด็กหรือคนแก่ต่างก็เข้าใจกันว่า Seiko คือนาฬิกาแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ดีและราคาไม่แพง ตัว ไซโก้ เองก็มีนาฬิกามากมายหลายรุ่นที่เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆไม่เว้นแต่นาฬิกาข้อมือในกลุ่ม Driver ที่เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่ต้องการความสมบุกสมบันในราคาไม่แพงและเชื่อถือได้ ฟังดูใครๆก็ทำอย่าง Seiko ได้ แต่ถ้าคิดให้ดีๆว่า บริษัทที่ผลิตนาฬิกาในแต่ปีละหลายสิบล้านเรือนจะผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีๆ เชื่อถือได้ในราคาหลักพันหลักหมื่นที่ทำงานด้วยกลไกได้ดีแล้วละก็ บอกเลยว่าในโลกนี้หาใครที่จะเทียบเคียงเท่า Seiko คงไม่มีอีกแล้ว และในปัจจุบัน Seiko ก็ยังคงแนวทางนั้นอยู่เหมือนเดิมทุกประการ



 เข้าเรื่องกับเจ้า Monster ตามที่จั่วหน้าไว้ตามหัว เรื่องข้างบนบ้าง เรื่องของเรื่องคือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver หรือเรียกง่ายๆว่านาฬิกาดำน้ำออกมามากมายก่ายกอง รุ่นเหล่านั้นก็ขายดีแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่เมื่อย้อยกลับไปไม่กี่ปีมานี้ในช่วงราวปี 2000 Seiko ก็ทำให้เราๆชาวไทยได้รู้จักนาฬิกา Driver รุ่นหนึ่งที่เป็นจุดตำนานความโด่งดังไปทั่วประเทศไทยและทั่วโลกคือ Seiko Monster นั่นเองและก็ต้องยอมรับอย่างภูมิใจว่ารุ่นนาฬิกา Seiko นั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยและโด่งดังจนเข้าใจและเรียกกันไปไกลทั่วโลกแถม Seikoเองก็ชอบชื่อนี้เสียด้วย ทำให้การแนะนำนาฬิกาในซีรีย์นี้ถูกเรียกขานในชื่อ Monster ไปโดยปริยาย การตั้งชื่อเรียก Monster เกิดจากสองบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกามาอย่างยาวนานและถ้าใครเล่นเว็บนาฬิกาต่างๆมานานพอแล้วหละก็ คงพอจำได้หรือคุ้นชื่อทั้งสองท่าน เป็นอย่างดีแน่นอน คงแรกก็คือ ทอมมี่ แห่งเว็บไซต์ Siamnaliga.com และคนที่สองคือคุณ Reto Cascellazzi แห่ง Poorman’s watch forum ชาวสวิตที่พำนักอยู่เมืองไทยและหลงใหลนาฬิกาเช่นกันทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่คอยเฟ้นหานาฬิกาดีๆ ราคาไม่แพง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดาเพื่อนๆ และสมาชิกเว็บอยู่เสมอ และเมื่อ Moster ออกขายในปี 2000 ก็ยังไม่ดังเปรี้ยงร้าง มากนัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะ Seiko ในตอนนั้นไม้ได้คิดว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเด่นดังเหมือนในทุกวันนี้ก็เป็นได้ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในปี2002 บุคคลทั้งสองท่านก็ได้นำเจ้า Moster มาพูดคุยกับเพื่อนๆที่รู้จักและตั้งชื่อเล่นๆว่า Monster ด้วยหน้าตารูปลักษณ์เหมือน Sea Monster ที่บึกบึน ใหญ่ หนา หนักเป็นที่สุด แต่ประเด็นที่ส่งต่อความดังก็คือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีมากๆเรือนกนึ่งในราคาแค่หลักพัน พร้อมคุณสมบัติมากมายเหมือนนาฬิกาDriver ราคาแพง แถมการผลิตก็อยู่ในระดับที่ดีด้วย พูดตรงๆ นาฬิกาแบนด์สวิตบางแบรนด์อาจจะต้องอายม้วนไปก็ได้ ไม่ว่าจะราคาหรือคุณภาพการผลิตและหลังจานั้นชื่อ Monster ก็ได้จารึกอยู่ในใจนักสะสมมากมายและขยายขจรไกลไปทั่วทั้งโลก Monsterในยุคเริ่มแรกนั้นแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ก็คือ รุ่น หน้าปัดสีดำSKX779K1 และหน้าปัดสีส้มสดSKX781K1
SKX779K1


SKX781K1

เครดิต หนังสือ 1PM Magazine

จริงหรือไม่ที่ว่านาฬิกานั้นเป็นแค่เครื่องบอกเวลาหรือเครื่องประดับ

 ก่อนที่ทุก ๆ ท่านจะอ่านบทความนี้ ผมมีคำถามเล็ก ๆ สำหรับทุก ๆ คน โดยขอท่านตั้งคำถามสำหรับตัวท่านในใจว่า นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของท่านที่...