วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561
ขัดหน้าป้ดนาฬิกาอะคริลิค(พลาสติก) ทำเองได้
บทความนี้เป็นบทความเก่าทำไว้นานแล้วเห็นว่าน่าจะพอมีประโยชน์บ้างเลยนำมาลงใหม่ สำหรับท่านที่ใช้นาฬิกาข้อมือที่มีหน้าปัดเป็นพลาสติก พอใช้ไปสักระยะนึง จะเกิดริ้วรอยที่หน้าปัดวันนี้เราจะมากำจัดริ้วรอยเหล่านั้น กันครับ อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมากมีนำยาตัวนึงชื่อ PolyWatch เป็นพระเอกของงานนี้
มาเริ่มกันเลยครับ นำน้ำยามาทาที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ทาให้ทั่วแล้วทิ้งไว้สัก2-3นาทีแล้วใช้ผ้าเช็ด ขัดน้ำยาออก เป็นอันเสร็จพิธี แต่รอยใหนถ้าลึกต้องใช้กระดาษทรายเบอร์ระเอียดขัดก่อนแล้วลงน้ำยาตามขัดซ้ำซัก2-3รอบเป็นอันเสร็จพิธี
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 2
หรือจะเป็นวงแหวนจับเวลาที่ขอบถูกออกแบบให้ใหญ่ชัดเจนพร้อมด้านข้างที่มีช่องเว้าขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับได้อย่างสะดวกแม้ยามใส่ถุงมือดำน้ำก็ตามและตัววงแหวนจับเวลายังหมุนทิศทางเดียวเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย เรียกได้ว่ายึดถือการออกแบบตามนาฬิกาดำน้ำแบบมืออาชีพกันเลยทีเดียว ข้อดีเหล่านี้เองทำให้ Monsterได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในตลาดนาฬืกา Entry Level คิดเอาเองแล้วกันครับ
ดังขนาดที่ Seikoส่งเจ้าMonster รุ่นพิเศษสำหรับประเทศไทยเปิดตัวในปี 2003 ที่เป็นหน้าปัดสีเหลืองสด กระจกเป็นแบบ Crytal Sapphireพร้องเลนส์ขยายวันที่ หรือเรียกกันติดปากว่า Cyclop ผมได้มีโอกาสอยู่ในการเปิดขายนาฬิการุ่นนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในงานนาฬิกาแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ที่แม้ในตอนนั้นการประชาสัมพันธ์จะไม่ได้ทำอะไรมากมายนักแต่เมื่อเปิดขายกลับกลายเป็นว่ามีผู้คนต่างแย่งซื้อมากมายจนหมดในเวลาไม่นาน และบรรดาตัวแทนขายต่างๆ และร้านทั่วไปก็โดนโทรตามให้วุ่นจากคนที่พลาดจากการซื้อในงานและเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำราคาขายต่อได้ดีมาก ถ้าผมจำไม่ผิดราคาขายของเจ้ารุ่นนี้เคยทะยายไปถึง 40,000 บาท จากราคานาฬิกาแค่หมื่นนิดๆเท่านั้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดของวงการนาฬิกาที่หาไม่ได้ง่ายนักและจะหาใครมาเทียบเคียงก็คงจะยากอีกเหมือนกันและความนิยมในตัว Monsterก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ทั้งๆที่ตัวหน้าปัดสีเหลืองหมดได้จากตัวแทนจำหน่ายไปแล้ว ทำให้ช่วงปี 2005-2006 ไซโก้ได้ส่ง Blue Monsterลงสู่ตลาดเพื่อเอาใจแฟนๆอีกครั้ง
ถัดมาในปี 2007 ก็ส่งอีกรุ่นคือ Red Monsterมาเพิ่มความฮิตของกระแสMonsterให้โด่งดังมากขึ้นและ Seikoก็ได้ส่ง Monster ออกมาอีกหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่น Black×Black Monster ที่ผลิตเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้นและไม่นับรวมรุ่นย่อยๆอีกมากมาย อย่างเช่นรุ่น Land Monster , Price Monster , Mini Monster นับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น คนทั่วโลกก็ยังคงความสนใจอยู่ไม่เสื่อคลาย และปี 2010 ก็เขย่าวงการอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ Green Monster ซึ่งกระแสในขณะนี้ถือว่าร้อนแรงสุดๆ เพราะขนาดต้องลงคิวจองยาวเป็นหางว่าวและคาดว่า Green Monsterรุ่นนี้จะหมดตลาดไปอย่างรวดเร็ว คงมีเหลือแต่ราคาในตลาดขายต่อที่มีการเพิ่มราคาสูงขึ้นกว่าเดิมไปมากเเล้ว
Seiko Monster ถือเป็นการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น วงการนาฬิการะดับราคา Entry Level และจุดเริ่มต้นความโด่งดังนั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศไทย จากที่ ไซโก้ เคยคิดแต่เพียงว่าเป็นนาฬิกา Driver ที่หน้าตาดีๆ ดุๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน การขยับตัวของ Monsterนั้น ส่งผลกระทบอย่างมากมายต่อวงการนาฬิกา และนี่ก็คือ ตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าปีศาจตนนี้นั่นเองครับ
เครดิต หนังสือ 1PM Magazine
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 1
วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 1
กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเล
ไซโก้ ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มียอดการผลิตนาฬิกาในแต่ละปีนับสิบล้านเรือนและในทุกๆก็มีรุ่นใหม่ๆออกมาเขย่าตลาดเสมอ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เด็กหรือคนแก่ต่างก็เข้าใจกันว่า Seiko คือนาฬิกาแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ดีและราคาไม่แพง ตัว ไซโก้ เองก็มีนาฬิกามากมายหลายรุ่นที่เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆไม่เว้นแต่นาฬิกาข้อมือในกลุ่ม Driver ที่เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่ต้องการความสมบุกสมบันในราคาไม่แพงและเชื่อถือได้ ฟังดูใครๆก็ทำอย่าง Seiko ได้ แต่ถ้าคิดให้ดีๆว่า บริษัทที่ผลิตนาฬิกาในแต่ปีละหลายสิบล้านเรือนจะผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีๆ เชื่อถือได้ในราคาหลักพันหลักหมื่นที่ทำงานด้วยกลไกได้ดีแล้วละก็ บอกเลยว่าในโลกนี้หาใครที่จะเทียบเคียงเท่า Seiko คงไม่มีอีกแล้ว และในปัจจุบัน Seiko ก็ยังคงแนวทางนั้นอยู่เหมือนเดิมทุกประการเข้าเรื่องกับเจ้า Monster ตามที่จั่วหน้าไว้ตามหัว เรื่องข้างบนบ้าง เรื่องของเรื่องคือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver หรือเรียกง่ายๆว่านาฬิกาดำน้ำออกมามากมายก่ายกอง รุ่นเหล่านั้นก็ขายดีแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่เมื่อย้อยกลับไปไม่กี่ปีมานี้ในช่วงราวปี 2000 Seiko ก็ทำให้เราๆชาวไทยได้รู้จักนาฬิกา Driver รุ่นหนึ่งที่เป็นจุดตำนานความโด่งดังไปทั่วประเทศไทยและทั่วโลกคือ Seiko Monster นั่นเองและก็ต้องยอมรับอย่างภูมิใจว่ารุ่นนาฬิกา Seiko นั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยและโด่งดังจนเข้าใจและเรียกกันไปไกลทั่วโลกแถม Seikoเองก็ชอบชื่อนี้เสียด้วย ทำให้การแนะนำนาฬิกาในซีรีย์นี้ถูกเรียกขานในชื่อ Monster ไปโดยปริยาย การตั้งชื่อเรียก Monster เกิดจากสองบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกามาอย่างยาวนานและถ้าใครเล่นเว็บนาฬิกาต่างๆมานานพอแล้วหละก็ คงพอจำได้หรือคุ้นชื่อทั้งสองท่าน เป็นอย่างดีแน่นอน คงแรกก็คือ ทอมมี่ แห่งเว็บไซต์ Siamnaliga.com และคนที่สองคือคุณ Reto Cascellazzi แห่ง Poorman’s watch forum ชาวสวิตที่พำนักอยู่เมืองไทยและหลงใหลนาฬิกาเช่นกันทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่คอยเฟ้นหานาฬิกาดีๆ ราคาไม่แพง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดาเพื่อนๆ และสมาชิกเว็บอยู่เสมอ และเมื่อ Moster ออกขายในปี 2000 ก็ยังไม่ดังเปรี้ยงร้าง มากนัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะ Seiko ในตอนนั้นไม้ได้คิดว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเด่นดังเหมือนในทุกวันนี้ก็เป็นได้ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในปี2002 บุคคลทั้งสองท่านก็ได้นำเจ้า Moster มาพูดคุยกับเพื่อนๆที่รู้จักและตั้งชื่อเล่นๆว่า Monster ด้วยหน้าตารูปลักษณ์เหมือน Sea Monster ที่บึกบึน ใหญ่ หนา หนักเป็นที่สุด แต่ประเด็นที่ส่งต่อความดังก็คือ Seiko ได้ผลิตนาฬิกา Driver คุณภาพดีมากๆเรือนกนึ่งในราคาแค่หลักพัน พร้อมคุณสมบัติมากมายเหมือนนาฬิกาDriver ราคาแพง แถมการผลิตก็อยู่ในระดับที่ดีด้วย พูดตรงๆ นาฬิกาแบนด์สวิตบางแบรนด์อาจจะต้องอายม้วนไปก็ได้ ไม่ว่าจะราคาหรือคุณภาพการผลิตและหลังจานั้นชื่อ Monster ก็ได้จารึกอยู่ในใจนักสะสมมากมายและขยายขจรไกลไปทั่วทั้งโลก Monsterในยุคเริ่มแรกนั้นแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ก็คือ รุ่น หน้าปัดสีดำSKX779K1 และหน้าปัดสีส้มสดSKX781K1
SKX779K1
SKX781K1
เครดิต หนังสือ 1PM Magazine
Seiko Monster กำเนิดแห่งปีศาจท้องทะเลตอนที่ 2
กว่าจะมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่านาฬิกา
จากอดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบัน นาฬิกามีบทบาทสำคัญที่สะท้อนความเที่ยงตรงของเวลาให้กับมนุษย์เป็นอย่างมาก และความเที่ยงตรงแม่นยำของเวลาเกิดขึ้นจากการทำงานของชิ้นส่วนกลไก ฟันเฟืองและจานจักรต่างๆภายในที่มารวมตัวกันเป็นประดิษฐกรรมบอกเวลาชั้นสูง ดังที่เราได้เห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนั้น นอกจะเป็นตัวแทนในฐานะเครื่องบอกเวลาแล้วเรือนบอกเวลาในจินตนาการของหลายท่านที่ชื่นชอบและสะสมอยู่นั้นยังบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ที่สวมใส่ได้เป็นอย่างดีด้วย แต่เคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมนาฬิกาแต่ละเรือนที่ซื้อหรือสะสมอยู่ถึงได้มีราคาที่แตกต่างกัน ทั้งที่ดูจากรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกแล้วก็มีหน้าตาที่ละม้ายคล้าคลึงกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัสดุที่นำมาใช้ในการประดิษฐ์นาฬิกาแต่ละเรือนนั้นมีหลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ส่วนนาฬิกาเรือนนั้นประกอบด้วยวัสดุใดบ้าง และวัสดุเหล่านั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ลองไปทำความเข้าใจกันดูเกี่ยวกับวัสดุที่นำมาใช้ประดิษฐ์นาฬิกา
ก่อนอื่นมาดูคำศัพท์เฉพาะที่ใข้เรียกในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกา เมื่อเราได้ยินใครสักคนกล่าวถึง "นาฬิกาเรือนทอง" หรือ "นาฬิกาเรือนเหล็ก"นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังพูดถึงวัสดุที่นำมาใช้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนนาฬิกา และการที่เราจะเรียกนาฬิกาเรือนไหนว่าเป็นนาฬิกาเรือนทองนั้นขึ้นอยู่กับว่าตัวเรือนของนาฬิกานั้นๆทำมาจากทองเนื้อแข็งไม่ใช่แค่มีสีทองเหลืองหรือเคลือบด้วยชั้นของทองเท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าทองคำโดยส่วนใหญ่ที่เห็นๆกันอยู่ทั่วไปนั่นจะมีสีเหลืองทองแต่ในบางครั้งก็พบเห็นทองสีขาวหรือที่เรียกกันว่าทองคำขาว (White Gold) หรือทองคำสีชมพู (บางครั้งก็อาจจะเคยได้ยินบางแบรนด์เรียกว่า Rose Gold หรือ Red Gold แตกต่างกันออกไป ) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับโลหะที่นำมาผสมผสานเข้ากับทองคำเพื่อทำให้เกิดเป็นอัลลอย์ (Alloy ) หรือโลหะผสมมีสัดส่วนและปริมาณที่แตกต่างกันไปจึงทำให้ทองแต่ละชนิดที่ได้นั้นมีสีเข้มแตกต่างกัน
ส่วนคำว่า 'กะรัต' หลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี นั่นคือก็คือเกณฑ์สำหรับวัดค่าความบริสุทธิ์ของทองคำที่มีอยู่ในเนื้อโลหะนั้นๆแต่นาฬิกาเรือนทองโดยส่วนมากแล้วจะทำมาจากทองคำ 18 กะรัตหรือ 18k หมายถึง โลหะนั้นประกอบด้วยเนื้อทองคำบริสุทธิ์ถึง 75%ซึ่งเป็นที่นิยมกันโดยทั่วไปเพราะว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมลงตัวมากที่สุด
ส่วนนาฬิกาทองคำบางเรือนที่ทำมาจากทองคำ 14 กะรัต ก็หมายถึงโลหะนั่นประกอบด้วยเนื้อทองคำบริสุทธิ์อยู่เพียง 58% และสำหรับค่ากะรัตสูงสุดของทองคำที่จัดว่าเป็นทองเนื้อแท้ที่บริสุทธิ์นั้นก็คือ 24 กะรัตหมายถึงทองคำล้วนไม่มีโลหะอื่นใดผสมผสานอยู่เลยแต่ก็ยังไม่เคยปรากฏว่ามีการนำทองคำ 24 k มาใช้ประดิษฐ์ขึ้นเป็นตัวเรือนนาฬิกา ด้วยสาเหตุที่ว่าทองคำบริสุทธิ์นี้มีความอ่อนตัวเกินกว่าจะทำเป็นตัวเรือนหรือสายได้ และตามหลักประมวลกฎหมายแล้วนาฬิกาเรือนทองจะต้องมีการตีตราอยู่บนด้านหลังของตัวเรือนพร้อมบอกค่ากะรัตของทองคำที่ใช้ แต่ถ้าสายของนาฬิกาเป็นแบบที่ไม่สามารถถอดแยกออกจากตัวเรือนได้ อย่างเช่น นาฬิกาทรงกำไลข้อมือ ค่ากะรัตก็อาจจะประทับไว้บนกำไลข้อมือนั้นๆได้เช่นกัน
นาฬิกาเรือนทองนั้นอาจจะมีราคาถูกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่โดยส่วนมากแล้วจะมีราคาแพงกว่านี้มาก แน่นอนว่าสำหรับเรือนทอง 18k ย่อมจะมีราคาที่แพงกว่านาฬิกาเรือนทอง 14k และถ้านาฬิกาไหนมีสายซึ่งทำจากทองคำเช่นเดียวกันกับตัวเรือนแล้วละก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่านาฬิกาเรือนนั้นจะมีราคาขึ้นเป็นทวีคูณเพราะมูลค่าของทองนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าควรแก่การสะสมและครอบครองไว้ยิ่งนัก
ทองชุบ
นาฬิกาทองชุบ(Gold - Plated Watch)มักจะพบเห็นได้โดยทั่วไปมากกว่านาฬิกาเรือนทอง ตัวเรือนนาฬิกาประเภทนี้จะทำมาจากโลหะที่มีค่าน้อยโดยปกติที่เรามักจะพบเห็นก็คือทองเหลืองหรือเหล็กกล้า ซึ่งจะถูกเคลือบด้วยแผ่นทองคำที่มีความหนาถึง 20ไมครอน แต่โดยส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นกันนั้นจะเคลือบด้วยทองคำหนาประมาณ 10 ไมครอนหรือน้อยกว่านี้แตกต่างกันไป (1 ไมครอนจะมีค่าเท่ากับ 1/1,000 มิลลิเมตร กระบวนการนำโลหะทองคำเหล่านี้มาประยุกต์เรียกว่า การชุบโลหะทองคำด้วยไฟฟ้า(Electroplating) และส่วนใหญ่ทองคำที่นำมาใช้สำหรับชุบนั้นจะนิยมใช้ทองคำที่มีค่าสูงกว่า 18 กะรัต เพราะว่าจะให้เนื้อทองสีเหลืองที่มีความเข้มข้นมากกว่า
ส่วนนาฬิกาเรือนสีทอง(Gold - Tone Watch )ที่เราพบเห็นกันอยู่ทั่วไปซึ่งมีราคาไม่สูงนักจะมีเนื้อของทองคำเคลือบอยู่บางกว่านาฬิกาทองชุบ(Gold - Plated Watch)และราคาของนาฬิกาทั้งสองชนิดนี้ก็จะมีราคาเริ่มตั้งแต่ต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ จนถึง 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯเลยทีเดียว
เหล็กกล้า
เมื่อไม่นานมานี้เอง เหล็กกล้า(Steet) ได้กลายเป็นวัสดุที่มีบทบาทสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกา เนื่องจากความกระแสนิยมตามแฟชั่นที่เปลี่ยนไปทำให้รสนิยมของคนส่วนใหญ่หันมาชื่นชอบโลหะที่มีสีขาวซึ่งจะเห็นได้จากปริมาณยอดขายของทองคำขาวที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและสำหรับเหล็กกล้าที่นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกาก็คือสเตนเลสสตีล นั่นหมายความว่าเหล็กกล้านั้นประกอบด้วยธาตุโครเมียม ก่อเป็นรูปร่างขึ้นที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นเกระป้องกันพื้นผิวของโลหะอย่างแท้จริงและยังป้องกันการกัดเซาะที่อาจทำให้เกิดสนิมได้อีกด้วย
สำหรับนาฬิกาเรือนเหล็กกล้านั้นจะมีราคาเริ่มตั้งแต่ต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ์ฯไปจนถึงหลักพันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี หลายท่านอาจประหลาดใจว่า เหตุใดนาฬิกาที่ทำจากวัสดุราคาถูกเช่นนี้ ถึงได้มีราคาแพงลิบลิ่ว นั่นก็เป็นเพราะว่าวัสดุที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกานั้นเป็นเพียงปัจจัยเล็กๆอย่างหนึ่งที่ใช้การกำหนดหรือตั้งราคาของนาฬิกาเรือนนั้นๆสำหรับปัจจัยที่เป็นต้นทุนซึ่งมีบทบาทสำคัญมากกว่าก็คือต้นทุนแรงงานที่ช่างทำนาฬิกาได้อุทิศเวลาของตนให้กับการประดิษฐ์และจำนวนที่ใช้จ่ายไปกับการส่งเสริมการขายนาฬิกาแบรนด์นั้นจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปยกเว้นนาฬิกาบางประเภทที่ประดับด้วยเพชรหรืออัญมณีล้ำค่าต่างๆอย่างละลานตา
สำหรับนาฬิกาประเภทนี้จะเรียกกันว่า เครื่องประดับบอกเวลา (Jewelry Watches) ราคาของนาฬิกาประเภทนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับมูลค่าของวัสดุที่นำมาใช้ผลิตนาฬิกาหรือไม่แตกต่างจากมุลค่าของเพชรพลอยที่นำมาใช้ประดับมากนักและอาจจะเพิ่มค่าแรงในการฝังเพชรและตกแต่งลวดลายต่างๆออกไปอีกขึ้นอยู่กับดีไซน์ของแต่ละเรือน
นาฬิกาบางชนิดที่เราเห็นว่ามีการนำทองคำบริสุทธิ์มาใช้เป็นส่วนประกอบในการตกแต่งอยู่บนขอบตัวเรือนและสายนั้นจะเรียกกันอย่างง่ายๆว่า นาฬิกาสองกษัตริย์ (Steel and Gold Watch ) ส่วนนาฬิกาสเตนเลสสตีลสลับคั่นด้วยทองชุบหรือโลหะสีทอง เรียกกันว่า ทู - โทนวอทช์ (Two -Tone - Watch)
ไทเทเนียม
โลหะชนิดหนึ่งที่มีสีขาวและยังเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงทนทานมากอีกด้วย ทำให้ในระยะหลังนี้ไทเทเนียมกลายเป็นโลหะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกาเช่นกันดังจะเห็นได้จากกระแสความนิยมในตัวโลหะสีขาวและยอดขายของนาฬิกาสปอร์ตที่มีการเจริญเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะว่าโลหะชนิดนี้เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการผลิตนาฬิกาสปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง วัสดุไทเทเนียมก็ยังมีความแข็งแรง
ทนทานมากกว่าสเตนเลสสตีลทั้งยังสามารถป้องกันการเกิดสนิมซึ่งอาจจะเกิดจากการกัดกร่อนของน้ำเค็ม กระนั้นไทเทเนียมนั้นสามารถเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องนำนาฬิกาไทเทเนียมของเขาไปเคลือบด้วยโลหะที่ใช้สำหรับป้องกันรอยขีดข่วนโดยเฉพาะอีกชั้นหนึ่ง
วัสดุชนิดอื่นๆ (Other Materials)
นาฬิกาบางชนิดทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียมซึ่งก็เป็นโลหะอีกชนิดหนึ่งที่มีสีขาว น้ำหนักเบาและป้องกันการเกิดสนิมได้ด้วย ว้สดุที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกานั้น ยังมีอีกหลายชนิด อาทิ วัสดุที่มาจากการผสมผสานของ 'ทังสเตนคาร์ไบด์' และ'ไทเทเนียม' ส่งผลให้วัสดุชนิดนี้แข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก และยังเป็นโลหะชนิดต้านทานรอยขีดข่วนได้อีกด้วย
ไฮ - เทค เซรามิกส์ (HI - Tech Ceramics) เป็นวัสดุที่ถูกใช้เพื่อเป็นเกราะป้องกันความร้อนบนกระสวยอวกาศ แต่ภายหลังได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาด้วยเช่นกันดังจะเห็นได้จากแบรนด์อย่าง ราโด (Rado) ที่นำมาใช้ผลิตเป็นตัวเรือนและสายในผลงานบอกเวลาคอลเลกชั่นดังอย่าง ซินทรา(Sintra)
นอกจากนี้ผู้ผลิตบางรายยังได้นำเทคนิคการเคลือบโลหะเพื่อป้องกันหรือตกแต่งนาฬิกาทองเหลืองหรือนาฬิกาเรือนเหล็กของเขาโดยใช้เทคนิคการเคลือบที่เราเรียกสั้นๆว่า PVD (Physical vapor Depositon) ซึ่งการเคลือบด้วยทองคำก็สามารถผลิตด้วยกรรมวิธีนี้ได้เช่นเดียวกันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก นอกเหนือจากกรรมวิธีที่นำโลหะนั้นไปชุบทองด้วยไฟฟ้า (Electroplating) ดังนั้นการนำวัสดุไทเทเนิยมไนไตรท์ ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานสูงก็สามารถนำมาเคลือบ PVD เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนได้เช่นกัน
คาร์บอนไฟเบอร์ จัดเป็นวัสดุอีกชนิดหนึ่งที่มีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาไม่ว่าจะเป็นชนิดที่มีสีดำหรือสีเทาดำอันที่จริงแล้วเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์และสารประกอบโพลีเมอร์ซึ่งบางครั้งได้มีการนำมาใช้เพื่อทำหน้าปัดและตัวเรือนของนาฬิกา
ผลึกแก้วใสหรือคริสตัลแซพไฟร์
สำหรับวัสดุที่นำมาใช้เพื่อทำเป็นกระจกคริสตัลใสป้องกันพื้นหน้าปัดของนาฬิกานั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดนั่นก็คือ กระจกมิเนอรัล ( MINERAL GLASS )ซึ่งเป็นกระจกที่มีพื่นฐานการผลิตเช่นเดียวกันกับกระจกที่ใช้ทำหน้าต่างดังที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป วัสดุชนิดที่สองก็คือ อะครีลิก(Acylic) ซึ่งเป็นพลาสติกใสชนิดหนึ่งที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างสูงและยังเป็นวัสดุที่ป้องกันการแตกละเอียดได้ดีอีกด้วยแต่คริสตัลชนิดนี้สามารถเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย จึงไม่นิยมนำมาใช้ในการทำกระจกหน้าปัดนาฬิกาสำหรับวัสดุชนิดสุดท้ายที่เราจะกล่าวถึงนั่นก็คือ แซพไฟร์สังเคราะห์ (Synthetic Sapphire) เป็นวัสดุชนิดพิเศษที่มีความเเข็งแรงทนทานมาก และถูกนำมาใช้เพื่อเป็นคริสตัลชนิดต้านทานรอยขีดข่วนได้ดี
แซพไฟร์สังเคราะห์ก็คือวัสดุชนิดเดียวกันกับแซพไฟร์ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับต่างๆเว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคริสตัลที่ทำขึ้นโดยฝีมือมนุษย์และเมื่อถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ทำนาฬิกาคริสตัลแบบไร้สีเช่นเดียวกับแซพไฟร์ตามธรรมชาติ ซึ่งมีอัตราความแข็งแรงทนทานอยู่ที่ระดับ 9 เลยทีเดียวสำหรับเพชรนั้นถือว่ามีอัตราความแข็งอยู่ที่ระดับ 10 ซึ่งเป็นวัตถุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติชนิดเดียวเท่านั้นที่มีความแข็งแรงที่สุด ทั้งนี้แซพไฟร์สังเคราะห์ยังได้มีการนำมาใช้ประกอบเป็นฝาหลังของตัวเรือนเพื่อเผยให้เห็นการทำงานของกลไกที่ตกแต่งขัดเกลาได้อย่างประณีตงดงามอีกด้วย
สายนาฬิกา
สายนาฬิกาทำมาจากวัสดุหลายๆชนิดที่มีความแตกต่างกัน อาทิ ทองคำ สเตนเลสสตีลชุบทอง ทองเหลืองชุบทอง เหล็กกล้า ไทเทเนียม อะลูมิเนียม รวมถึงหนังสัตว์และหนังลูกวัว (Calfskin) ก็เป็นหนังชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการนำมาทำสายนาฬิกา ส่วนหนังอีกชนิดหนึ่งหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ก็คือ หนังแพะอ่อน (Kidskin) หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เชฟโร' (Chevreau) ซึ่งทำมาจากหนังแพะนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีหนังลูกหมูและหนังแกะที่มีการนำมาใช้ประกอบเป็นสายนาฬิกาด้วยเช่นกัน สำหรับกลุ่มประเภทของหนังที่นำมาทำสายของนาฬิกาที่เราเรียกกันว่า หนังเทศหรือหนังที่มีลวดลายประหลาด (Exotics) โดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่าหนังวัวหรือหนังหมูในที่นี้จะขอยกตัวอย่างให้เห็นกันอย่างชัดเจนได้แก่ หนังตะกวด (Lizard) หนังจระเข้ท้องเหลือง (Crocodile) หนังจระเข้ตีนเป็ด(Alligator) หนังนกกระจอกเทศ (Ostrich) และหนังปลาฉลาม (Shark) และล่าสุดได้มีการนำ คาร์บอนไฟเบอร์มาใทำสายนาฬิกา
อย่างไรก็ดีบางครั้งได้มีการนำหนังลูกวัวมาตอกลายนูนเพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่ดูคล้ายกับหนังเทศ ในกรณีเช่นนี้จะเรียกสายหนังประเภทนี้ว่า สายหนังลายนกกระจอกเทศ (Ostrich-Look) หรือสายหนังลายตะกวด (Lizard-Look) เป็นต้น ส่วนคำว่าตอกลายนูน (Embossed) และลายเมล็ดข้าวนั้น(Grain)ได้มีการนำมาใช้เพื่ออธิบายถึงการตกแต่งลวดลายเหล่านี้ อย่างเช่นตอกกลายหนังจระเข้หรือลายหนังนกกระจอกเทศ ยังมีสายนาฬิกาอีกหลายชนิดซึ่งทำมาจากวัสดุ สังเคราะห์ อาทิ ไนลอน พลาสติก ยาง เเละเคฟลาร์ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความเหนียวเป็นพิเศษซึ่งมีการนำไปใช้เพื่อทำเป็นเสื้อเกราะกันกระสุนวัสดุต่างๆเหล่านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงสำหรับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาสปอร์ตเพราะว่ามีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถทนต่อสภาวะอากาศได้เป็นอย่างดี
สารพัดวัสดุเหล่านี้ถูกนำมาผสมผสานกันและกลายเป็นเรือนเวลาสวยและทรงคุณค่า นี่เฉพาะเเค่ภายนอกเท่านั้นหากลงลึกถึงชิ้นส่วนกลไกภายในที่ทำงานด้วยแล้วจะยิ่งเห็นถึงความหลากหลายของวัสดุที่นำมาใช้ในการประดิษฐ์นาฬิกาแต่ละเรือน
บทความดีๆจากเว็บฟิสิกส์ราชมงคล
http://www.electron.rmutphysics.com
วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561
นาฬิกาอัจฉริยะสำหรับนักผจญภัย Casio PROTREK WSD-F20-WE Limited Edition
คาสิโอประเทศญี่ปุ่นประกาศผ่านทางเว็บไซต์ของคาสิโอเมื่อวันที่10 มกราคม 2018 เปิดตัวนาฬิกาข้อมือตระกูล Protrek รุ่น WSD-F20-WE เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นผลิตเพียง 1500เรือน มาพร้อมกับหน้าปัดใหม่แบบสัมผัส "Journey" ขนาด 1.32นิ้ว Dual Layer Display แสดงผลทั้งสีและขาวดำ สี 320×300 pixels ใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน แสดงตำแหน่งในแผนที่รับสัญญาณ GPS ขนาดตัวเรือน 61x58x15mm น้ำหนัก 92กรัม กันน้ำลึก 50 เมตร ฟังก์ชั่นใช้งานสำหรับนักผจญภัยเพียบใช้กับ Android เวอร์ชั่น 4.3 ขึ้นไปส่วนท่านที่ใช้ไอโฟน iOS 9 ขึ้นไป
วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561
Casio G-Shock GAW-100CX-4A Limited Edition
คาสิโอเอาใจแฟนๆชาวจีนที่เป็นสาวก G-Shock ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงด้วย นาฬิกา G-Shock GAW-100CX-4A สีแดงสีที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นสีแห่งโชคลาภ ขนาดตัวเรือนและฟังก์ชั่นก็คือตระกูล GAW-100 กล่องและแพคเกจสีแดงเหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษ แฟนๆชาวไทยที่สนใจคงต้องตามล่าในเว็บเอาครับ
ขนาดตัวเรือน 52x17mm
งานนี้ G-Shock จับมือกับนักร้องแรพเปอร์ชื่อดังแห่งแดนมังกร MC HotDog
วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560
วิธีดูสายสแตนเลสไซโก้ปลอม
สายสแตนเลสไซโก้รุ่นเก่า สำหรับท่านที่เก็บสะสมนาฬิกาไซโก้เวลาเลือกซื้อนาฬิกาไซโก้เก่ามือสองอาจจะ มีโอกาสเจอครับ เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าตัวนาฬิกาข้อมือมีการใช้งานที่ยาวนานทำให้สายเกิดความเสีย หายซึ่งอาจจะหาสายเดิมไม่ได้ หรือไม่ก็ผู้ขายต่อต้องการประหยัดต้นทุน จึงนำสายปลอมมาใส่แทนอีกประเด็นคือความไม่รู้ไม่ว่ากรณีใดก็แล้วแต่ มีข้อสังเกตุคือ ผิวโลหะจะไม่มันเงา และน้ำหนักของปลอมจะเบากว่าของแท้ เนื่องจากไม่ใช่ สแตนเลสคุณภาพสูงเหมือนของจริงและที่สำคัญคำว่า Seiko ตรงบานพับจะไม่คมชัดเจนเหมือนของจริง ตามรูป พอดูเป็นแนวทางได้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
-
ไซโก้ Seiko Sea Lion C22 ตัวนี้ได้มาจากในเน็ตครับราคา สองพันต้นๆ เป็น นาฬิกา ในยุค 60 เครื่องไซโก้ ไขลาน 6602 บอดี้ 8000 Diashock ทับทิม ...
-
บริษัทไซโก (ไทยแลนด์)จำกัด ซึ่งมีศูนย์บริการ 2 แห่ง ดังนี้ 1.ศูนย์บริการ บริษัทไซโก (ไทยแลนด์) จำกัด (สำนักงานใหญ่) เลขที่ 1091/286,...
-
QP. FREDERIQUE CONSTANT Heart Beat Manufacture GMT Automatic Also in this Issue: IWC,Bulgari,Cartier, Alpina,Heritage Watch Manufac...