วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

BREITLING CALIBRE B01



ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเราหันมาทาง Breitling สิ่งแรกเลยที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็คือราคาของนาฬิกา Chronomat ที่ใช้เปิดตัวเครื่องรุ่น B01 เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นใดก็มีสนนราคาราวสองเท่าของนาฬิกา Carrera Calibre 1887 อยู่แล้ว แนวทางนี้จะช่วยให้ Breitling ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดทางราคาเหมือนอย่าง TAG Heuer




แถม Breitling ยังใจดีส่งเครื่องรุ่นใหม่นี้มาให้ Roberts เพื่อการตรวจสอบด้วย " นี่เป็นเครื่องอินเฮ้าส์รุ่นแรกของ Breitling อย่างแท้จริง ทาง Breitling ได้เลือกแนวทางในการพัฒนาที่แตกต่างไปจาก TAG Heuer โดยดีไซน์เนอร์ของเขาน่าจะเริ่มกระบวนการพัฒนาเครื่องรุ่นนี้ก่อน TAG Heuer เล็กน้อย จากตัวเลขที่ผมมีก็น่าจะเป็นปี 2004 ซึ่งก็อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าบรรยากาศเศรษฐกิจโลกและวงการนาฬิกาโลกยังคงดีอยู่ " Breitling เสร็จสิ้นการออกแบบในราวปี 2007 ทำให้เริ่มผลิตได้ในปี 2008 และเปิดตัวสู่สาธารณชนได้ในปี 2009 ในที่สุด



" มองย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 1969 Breitling เคยจับมือกับ Heuer และ Hamilton/Buren ผลิตเครื่อง Calibre 11 ซึ่งเป็นเครื่องนาฬิกาจับเวลากลไกอัตโนมัติรุ่นแรกๆ ของโลกมาแล้วเบียดกับเครื่อง Zenith EI Primero และเครื่องนาฬิกาจับเวลากลไกอัตโนมัติรุ่นแรกของ Seiko พอดี ในครั้งนั้น Breitling มีส่วนร่วมในการออกแบบเครื่อง Calibre 11 อย่างใกล้ชิดแม้ว่างานหลักในการประดิษฐ์โมดูลจับเวลาจะเป็นหน้าที่ของ Dubois-Depraz ก็ตาม



" เมื่อมองดูเครื่อง Calibre 11 คุณจะเห็นว่าการออกแบบแตกต่างจาก B01 เป็นอย่างมากเพราะ Calibre 11 ใช้ระบบขึ้นลานแบบ Micro Rotor จึงทำให้ตัวบางมากเป็นพิเศษ จากนั้นจึงนำเอาโมดูลจับเวลามาติดเป็นชุดโดยใช้สกรูว์ยึด 3 ตัวจนทำให้ Calibre 11 ออกมาค่อนข้างหนา "
" อีกวิธีการหนึ่งในการพัฒนาเครื่องนาฬิกาจับเวลากลไกอัตโนมัติคือการนำเอากลไกทุกส่วนลงไปประกอบไว้ในตัวเครื่องเลยซึ่งเป็นแนวทางที่ปรากฎใน EI Primero และในเครื่อง B01 ใหม่ของ Breitling ข้อเสียของแนวทางนี้ก็คือ จะเป็นงานหนักสำหรับช่างนาฬิกาเมื่อต้องมีการซ่อมแซมหรือวิเคราะห์หาจุดปัญหา เพราะทุกอย่างจะอยู่ซ้อนกันและพันกันไปหมดจะรื้ออะไรทีหนึ่งก็ต้องถอดชิ้นส่วนออกมาเป็นจำนวนมาก Breitling จึงใช้ความพยายามเพื่อแก้ไขข้อด้อยนี้เป็นพิเศษ "



" ในเครื่อง B01 ใหม่ Breitling เลือกที่จะอินทีเกรทกลไกทั้งหมดเพื่อความบางพร้อมด้วย Column Wheel ที่คนที่รักนาฬิกายังคงชื่นชอบสำหรับควบคุมการทำงานของกลไกจับเวลา"
" สำหรับเราๆ ที่เป็นช่างนาฬิกาก็มีส่วนที่ชอบ Column Wheel เหมือนกัน และการผลิต Column Wheel ในปัจจุบันนี้ก็ทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากแล้วด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมความเที่ยงตรงสูงสมัยใหม่ และ Breitling ก็ใช้ Vertical Ciutch ด้วยสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างกลไกบอกเวลาและกลไกจับเวลาแทนที่จะใข้ Oscillating Pinion หรือ Coupling Device เกียร์แบบธรรมดา "
ดังนั้นความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเครื่อง TAG Heuer และ Breitling ก็คือจุดที่ตัวหนึ่งใช้ระบบ Oscillating Pinion และอีกตัวหนึ่งใช้ระบบ Vertical Clutch "Vertical Clutcch เป็นระบบที่นิยมมากในขณะนี้และเป็นระบบที่ดีด้วย แม้ว่าระบบนี้จะไม่ใช่ไอเดียอะไรใหม่แต่ก็สามารถทำงานร่วมกับวัสดุและเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี "



" เมื่อคุณสั่งการทำงานของเครื่อง B01 แล้ว เข็มวินาทีจับเวลา เข็มนาทีจับเวลาและเข็มชั่วโมงจับเวลาจะเริ่มทำงานบนชุดขับเคลื่อนเดียวกัน ตรงนี้เป็นไอเดียที่ดีเพราะว่าทุกเข็มจะทำงานซิ้งค์กันเสมอ ในขณะที่หากเป็นเครื่องจับเวลารุ่นอื่นอีกหลายรุ่นเข็มชั่วโมงจับเวลานั้นจะถูกขับเคลื่อนแยกต่างหากซึ่งก็ไม่ใช่ข้อเสียหนักหนาอะไรเพียงแค่ว่าการขับเคลื่อนด้วยกันแบบนี้จะมีข้อดีมากกว่านิดหน่อย "

นอกจากนี้ Breitling ยังการติดตั้ง Reset Hammer แบบหาจุดศูนย์กลางเองให้กับเครื่อง B01 อีกด้วย " ก็เหมือนกับเป็น Flyback Hammer ในกลไกจับเวลาครับ และจะเป็นประโยชน์มากในกระบวนการผลิต การประกอบและการบำรุงรักษาในภายหลัง นี่เป็นเทรนด์การออกแบบล่าสุดเหมือนที่ใช้โดย Rolex และแบรนด์อื่นๆ สมัยก่อนเวลาจะทำกลไกตีเข็มกลับคืนสู่ศูนย์ช่างนาฬิกามักจะต้องตะไบและขัด Hummer เหล่านี้ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความสามรถและเวลาเป็นอย่างยิ่ง แต่ในปัจจุบันนี้ Hummer มีระบบหาจุดศูนย์กลางเองแล้วจึงสามารถคืนตำแหน่งที่เหมาะสมได้โดยธรรมชาติเมื่อมีการกด Reset การผลิตและการซ่อมแซมก็ง่ายตามไปด้วย "



" ระบบอย่างนี้เชื่อถือได้มากครับ เราต้องไม่ลืมก่อนว่านาฬิกาสมัยใหม่ผลิตด้วยเครื่องจักรเป็นหลักและจะมีการประกอบด้วยมือต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น นั่นหมายความว่านอกจากระบบนี้จะสะดวกสำหรับช่างนาฬิกาแล้วยังทำให้การประกอบนาฬิกาจำนวนมากมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและมีต้นทุนต่ำลงด้วย "
ในส่วนของการ Regulate นาฬิกานั้น Breitling ได้เลือกใช้ระบบปรับตั้งแบบ Fine Index " มองดูเวลาอยู่บนเครื่องก็พื้นๆ ไม่มีอะไรแต่นาฬิกาเดินตรงมากถึงมากที่สุดครับ ทีนี้ถ้าคุณไปปรับ Micro Adjuster ค่าที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตาม Index "



" ปกติแล้วถ้าคุณต้องการจะปรับตั้งให้ละเอียดขนาดนี้ก็ต้องใช้ระบบ Free Sprung ซึ่งเป็นการน้ำหนักที่ทิ้งลงบน Balance Wheel จริงๆ เมื่อคุณปรับ Index ในนาฬิกาทั่วไปที่ใช้ระบบ Curb Pin ทั้งหมดอะไรๆ มันก็พลาดได้ดังนั้น นั่นคือสาเหตุว่าทำไมคุณต้องใช้ Timing Machine ประกอบการปรับตั้งจึงจะเที่ยงตรง แต่ระบบ Index แบบใหม่ของ Breitling นี้ช่วยให้ช่างสามารถปรับเรทให้เร็วหรือช้าได้เป็นจำนวนวินาทีต่อวันเป๊ะๆ นี่คือพัฒนาการอีกระดับหนึ่งและผลความเที่ยงตรงที่ได้ก็น่าทึ่งทีเดียวเราคงจะต้องมาดูกันต่อว่าความเที่ยงตรงในระยะยาวจะเป็นอย่างไรเมื่อนาฬิกาที่ขายไปเริ่มต้องมีส่งกลับเข้ามาบำรุงรักษาบ้าง "
กำลังลานสำรองของเครื่อง B01 สอดคล้องกับความนิยมและความต้องการในปัจจุบันที่ 70 ชั่วโมง " เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็อยากได้นาฬิกาที่จะเดินได้ไม่มีหยุดเดินเมื่อถอดทิ้งไว้ทั้งสุดสัปดาห์ เครื่องรุ่นนี้จะเดินต่อไปได้นานถึงสามวันเมื่อคุุณถอดนาฬิกาวางไว้ และที่สำคัญก็คือในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนั้นลานที่ได้ก็จะมาจากช่วงบนๆ ของกำลังลานทำให้แรงบิดที่ส่งออกมานิ่งยิ่งกว่า สรุปคือคุณได้ประโยชน์สองแบบจากการที่นาฬิกาไม่หยุดเดินเร็วและเดินเที่ยงตรงกว่าด้วย "



อีกหนึ่งรายละเอียดแห่งความใส่ใจของ Breitling ก็คือการออกแบบเครื่องให้ช่างสามารถเข้าถึงกระปุกลานได้โดยไม่ต้องรื้อชิ้นส่วนไปครึ่งหนึ่งของเครื่องก่อน ทำให้การเปลี่ยน Mail Spring ทำให้สะดวกกว่าเดิมมาก และเพื่อความสมราคาเครื่อง B01 นี้จึงได้รับการขัดแต่งเต็มที่ด้วยลวดลาย Cotes de Geneve ลายก้นหอย ลายจุด พร้อมลบเหลี่ยมมุมและอื่นๆ อีกสารพัด "
" สิ่งที่ได้ก็คือเครื่องนาฬิกาที่มีความประณีตมากๆ แต่ก็มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่า TAG Heuer มากด้วย เรียกได้ว่าเกือบจะทะลุเข้าไปในกลุ่มไฮเอนด์อยู่แล้ว แต่ในขณะนี้ยังมีการใช้เพียงในรุ่น Chronomat เท่านั้น "
" ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าเครื่องใหม่ของ TAG Heuer หรือ Breitling นี้จะมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐาน Patek Philippe หรอกนะครับ เพราะในระดับราคาเท่านี้ไม่จำเป็นต้องขัดแต่งให้ดีขนาดนั้น แค่เท่าที่เห็นนี้ก็ดูดีมากๆ สำหรับผมมองว่า Breitling มีการขัดแต่งที่ดีเยี่ยมสมราคาและ TAG Heuer ก็ดีไม่แพ้กันสำหรับระดับราคาของเขาเองครับ "‏

สนใจบทความนาฬิกาดีๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่
QP-DEVOTED TO FINE WATCHES Thai Edition
Issue Thirty December 2021

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

VULCAIN

Cricket X-Treme Automaticque Air Force 1 “Al back”



คอลเลคชั่นนาฬิกาใหม่จากแบรนด์ Vulcain กับนาฬิการุ่น Cricket X-Treme Automaticque Air Force 1 “Al back”นอกจากบรรจุกลไกไว้ด้วยอัตโนมัติ Cricket Calibre V-21 อันเป็นกลไกประสิทธิภาพสูงที่ทุกคนรู้จักกันดีแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาในตัวเรือนไทเทเนียม แสดงออกถึงความแกร่งด้วยโทนสีดำตลอดทั้งตัวเรือน หน้าปัดและสายนาฬิกา ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง300เรือนเท่านั้น ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมและสตีลสีดำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง44มิลลิเมตร ปกป้องหน้าปัดไว้ด้วยกระจก



ภายในบรรจุกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ Cricket V-21 มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ทั้งการแสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที วินาทีกลางหน้าปัด ระบบปลุกอะลาร์ม หน้าต่างวันที่ ขอบตัวเรือนหมุนได้มีตัวเลขแสดงเวลาเป็นนาที กันน้ำได้ลึกถึง100เมตร มาพร้อมสายยางสีดำเพิ่มความสปอร์ตเต็มพิกัด

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

Sector Shark Master 1000 Meter






นาฬิการุ่น Shark Master 1000 Meters ล่าสุดจากแบรนด์Sector นอกจากจะผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์สปอร์ตสุดขั้วแล้ว ยังเป็นนาฬิกาที่ผลิตขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักดำน้ำชาวบัลแกเรี่ยน Patrick Musimu และโลกใต้ทะลลึกอีกด้วย ตัวเรือนผลิตจากสตีลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง46มิลิเมตร พื้นหน้าปัดเล่นลวดลายคลื่นทะเล ปกป้องหน้าปัดด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ฝาหลังและเม็ดมะยมแบบขันเกลียว มีเม็ดมะยมพิเศษเพิ่มขึ้นอีก1เม็ดเพื่อการปรับต้องขอบตัวเรือนด้านใน มีฮีเลียมวาล์วนิรภัย สามารถกันน้ำถึง1000เมตร กลไกภายในเป็นกลไกอัตโนมัติ ETA 2824 สวิสเมด มาพร้อมสายนาฬิกายางสีดำ นาฬิกาบรรจุมาในกล่องอย่างดีพร้อมอุปกรณ์เพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ




ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่
Watch World & Jewellrey


วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

VACHERON CONSTINTIN

Historique Aronde 1954



ความงามยุคคลาสิกได้ถูกนำมาสร้างสรรค์อีกครั้งเพื่อสนองกระแส Retro ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ Vacheron Constantin พาย้อนอดีตด้วยเรือนเวลาคอลเลคชั่นล่าสุHistorique Aronde 1954 นาฬิกาที่ถ่ายทอดรูปแบบอันน่าพิสมัยในยุค 50 ซึ่งยังคงเป็นดีไซน์อมตะมาจนปัจจุบัน ผ่านตัวเรือนทองชมฟู18K ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด31.2 x 44.5มิลลิเมตร



ทอดโค้งรับแนวข้อมือพอดิบพอดี ด้านข้างตัวเรือนออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากปีกของนกนางแอ่น อันเป็นที่มาของชื่อ Aronde ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสโบราณหมายถึงปีกนกนางแอ่น ความหรูหราล้ำค่าที่กันน้ำได้ลึก30เมตรนี้จับคู่กับพื้นหน้าปัดสีเงินที่ได้รับการสลักลวดลายอย่างปราณีตเก๋ไก๋ด้วยมือตามแบบเทคนิค แสดงเวลาแบบ2เข็มครึ่งอย่างเรียบง่าย



โดยผลิตเข็มชี้และมาร์คเกอร์จากทองชมพู18K สมบูรณ์แบบด้วยจิตวิญญาณแห่งอารมณ์วินเทจด้วยการทำงานของกลไกไขลาน Cal.1400 AS ซึ่งเป็นชุดจักรกลแบบin houseติดตั้งทับทิมก้นสึกหรอ20เม็ด เดินด้วยความถี่28800ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้นาน40ชั่วโมง ประกอบกับสายหนังจระเข้แสนคลาสสิก

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

Oris Big Crown X1 Calculator


14 ตุลาคม 2490 เครื่องบิน แบบความเร็วเหนือเสียง Bell X1 ได้ถือกำเนิดขึ้น

กลุ่มนักบิน Bell X1ได้สร้างปฎิบัติการอันเหลือเชื่อ ก่อนยุคของคอมพิวเตอร์และเครื่องคำนวนที่ทันสมัยในปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือเพียงอย่างเดียวที่ใช้ในการคำนวณ 'Slide Rule' ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการคำนวนทางวิศวกรรม ซึ่งโอรีสได้นำตารางคำนวณ 'Slisd Rule' แบบวงกลมนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการุ่นพิเศษ "Big Crown X1 Calculator" รุ่นนี้ ตัวเรือนเคลือบ PVD ด้วยสีโลหะที่ใช้ทำปืน เพื่อสะท้อนถึงสีของตัวเครื่อง Bell X1 กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมเคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก ขอบหน้าปัดด้านนอกบนตัวเรือนแบบหมุนได้เพื่อใช้อ่านค่าตามตาราง "Slide Rule"ที่ขอบหน้าปัดด้านในฝาหลังแบบขันเกลียวทำด้วยกระจกแบบมิเนอรัล คริสตัล ( Mineral Crystal )



พร้อมตารางสำหรับอ่านมาตรวัดแบบระบบเมตริก และระบบอังกฤษ เม็ดมะยมแบบขันเกลียว กันน้ำ 30 เมตร ตัวเลขบนหน้าปัดเคลือบสารเรืองแสง SuperLumiNova ระบบจักรกลโครโนกราฟ อัตโนมัติมีเข็มวินาทีย่อย และเข็มวินาทีสำหรับจับเวลาที่ตำแหน่งศูนย์กลาง หน้าต่างแสดงแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา สายหนังวัวแท้สีน้ำตาลเข้มตัดกับขอบสายด้วยการเดิรด้ายสีขาว นอกจากนี้ เพื่อเป็นการให้ความสำคัญต่อชื่อของเครื่องบินลำนี้ จึงได้สลักอักษร 'X' ที่ปุ่มกด Reset ของกลไกโครโนกราฟ และตัวเลข '1' ที่ปุ่ม Start Stop นอกเหนือจากการรังสรรค์เครื่องบอกเวลาเพื่อร่วมรำลึกถึงความสำคัญ และหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การบินแล้ว โอริส "บิ๊กคราวน์ เอ็กซ์วัน แคลคูเลเตอร์" (Oris Big Crown X1 Calculator) ยังได้ผสานรูปแบบที่ลงตัวและฟังก์ชั่นที่จำเป็นพร้อมตอบรับการใช้งานของนักบิน ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำด้านการผลิตนาฬิกาสำหรับนักบินอย่างแท้จริง



ตัวกล่องบรรจุด้วยตารางคำนาณ "Slide Rule" บนตัวกล่องด้านนอก ภายในประกอบด้วย ใบประกาศนียบัตรแลัรายละเอียดของนาฬิกา พร้อมทั้งแผ่น DVD ภาพยนตร์เรื่อง 'The Right Stuff' กำกับการแสดงโดยฟิลิป คอฟแมน (Philip Kaufmann) เนื้อหาเกี่ยวกับการบินด้วยความเร็วแบบทะลุกำแพงเสียง



ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่
Watch World & Jewellrey


วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

PORSCHE DESIGN‏ Eritage P6530



แวบแรกที่ได้เห็นนาฬิกาเรือนนี้ หลายคนรู้สึกได้ถึงความ 'Retro' ที่มีพลังอย่างล้นเหลือ รูปแบบอันเปี่ยมเสน่ห์จากยุค '70 ได้กลับมาสร้างความประทับใจให้กับคอนาฬิกายุคปัจจุบัน Heritage P6530 (เฮอร์ริเทจ พี'6530) คอลเลคชั่นดีไซน์เบบี้บูมจาก Porsche Dising (พอร์ช ดีไซน์) เป็นเรือนเวลาที่สร้างสรรค์ตามรูปแบบของนาฬิกาไทเทเนียมยุคแรกๆ




ตัวเรือนและสายผลิตจากไทเทเนียม ดีไซน์อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวในขนาดที่ขยายขึ้นตามสมัยนิยม 44.0 มิลลิเมตร หนา 14.3 มิลลิเมตร พร้อมสลักคำว่า 'Titan' (ไททัน) เป็นเอกลักษณ์บริเวณขาสาย กันน้ำลึก 60 เมตร



สร้างเสน่ห์ในแบบสปอร์ตด้วยพื้นหน้าปัดสีดำสนิท ตกแต่งด้วย 'Tachymeter Scale' (ทาคีมิเตอร์ สเกล) โดดเด่นด้วยเข็มชี้และเครื่องหมายแสดงเวลาเคลือบสารเรืองแสงสีขาว บอกเวลาแบบ 2 เข็มครึ่งพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา รวมถึงการแสดงวันและวันที่



ควบคุมการทำงานด้วยกลไกออโตเมติกโครโนกราฟ Cal.Valjoux 7750 ติดตั้งทับทิมกันสึกหรอ 25 เม็ด เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานสูงสุด 48 ชั่วโมง ผลิตจำนวนจำกัด 911 เรือน โดยสลัดหมายเลขประจำเรือนไว้บนฝาหลัง



หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ Watch World-Wide

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

JAEGER-LECOULTRE Memovox Tribute To Deep Sea

JAEGER-LECOULTRE

Memovox Tribute

To Deep Sea

นาฬิการุ่น Memovox Deep Seaคือนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำเรือนแรกที่ JAEGER-LECOULTREสร้างและผลิตขึ้น นำเสนอเป็นครั้งแรกในปี2008ด้วยนาฬิกาสองรุ่นคือ Memovox Tribute to Polaris 1965และ Memovox Tribute to Polaris 1968ต่อมาได้นำเสนอเป็นรุ่นRe-edition of the 1959 Memovox Deep Seaเรียกสั้นๆว่าMemovox Deep Sea



นาฬิกา Memovox Tribute To Deep Seaคือรูปจำลองของนาฬิกาเรือนแรกสร้างตัวเรือนจากสเตนเลสสตีล แต่ขยายสัดส่วนจาก39.8มิลิเมตร เป็น40.5มิลลิเมตร เพื่อให้เข้ากับความนิยมในนาฬิกาเรือนใหญ่ ฝาหลังมีรูปมนุษย์กบที่รายล้อมไปด้วยฟองอากาศ นาฬิการุ่นนี้สร้างขึ้นสองรูปแบบคือ รุ่นEuropean Modelที่มีหน้าปัดสีดำด้าน พร้อมขีดเครื่องหมายบอกเวลาเรืองแสงได้ อีกรุ่นคือAmerican Modelมีหน้าปัดสองสีคือสีดำและสีเทาล้อมรอบด้วย วงแหวนรอบนอก พร้อมสเกลเป็นช่วงๆ ช่วงละ5นาที ทั้งสองรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่นเหมือนกันคือ บอกชั่วโมง นาที บอกวินาทีกลางหน้าปัดและระบบปลุกอะลาร์ม เม็ดมะยมที่ตำแหน่ง2นาฬิกา ใช้ไขลานและตั้งเวลาปลุก ส่วนเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง4นาฬิกาใช้ไขลานการทำงานของกลไกและตั้งเวลา นาฬิกาทั้งสองรุ่นใช้กลไก Memovox คาลิเบอร์ 456เป็นกลไกไขลานอัตโนมัติ เดินด้วยความถี่28800ครั้งต่อชั่วโมง มีพลังงานสำรองลานนาน45ชั่วโมง

นาฬิการุ่นMemovox Deep Seaเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของโลกที่มีระบบเตือนให้นักดำน้ำรู้ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ สร้างขึ้นในแบบจำนวนจำกัดสองรุ่นคือ959เรือน สร้างเหมือนนาฬิกาJAEGER-LECOULTREรุ่นClassique 1959สำหรับตลาดยุโรปและอีก359เรือนรุ่นSpecial Amerique 1959กระจกหน้าปัดทั้งสองรุ่นทำจากPlexiglassเหมือนนาฬิการุ่นดั้งเดิม




ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่
Watch
World & Jewellrey


วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

RICHARD MILLE RM003-V2 ALL GRAY

RICHARD MILLE
RM003-V2 ALL GRAY



นาฬิกาข้อมือตัวเรือนทำจากคาร์บอนนาโนไฟเบอร์และไทเทเนียมหลอมพิเศษบรรจุด้วยกลไกไขลานทูร์บิญอง แสดงชั่วโมง นาที และบอกเวลาไทม์โซนที่2จับคู่สายยางสไตล์สปอร์ต ผลิตจำนวนจำกัด30เรือน
เครื่อง RM003 จำนวนทับทิม 23 เม็ด สำรองพลังงานสูงสุดนาน 70 ชั่วโมง กันน้ำ 50m กระจกแซฟไฟร์



Seiko Monster Diver’s 200M Automatic



นาฬิกาข้อมือ ไซโก้เป็นนาฬิกาที่อยู่คู่คนไทยมานาน นักสะสมไม่น้อยที่เริ่มจากยี่ห้อนี้
เนื่องจาก มีความทนทาน คุณภาพใช้ได้ และที่สำคัญราคาไม่แพงในรุ่นธรรมดาทั่วไป
ส่วนในรุ่นเทพ ราคาจะสูงแต่เมื่อเทียบกับนาฬิกาข้อมือในระดับเดียวกันก็ถือว่าไม่แพงครับ
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนาฬิกาไซโก้จึงครองใจแฟนๆ มาจนถึงประจุบัน



วันี้มี Seiko Monster ตัวสุดฮิตอีกรุ่นนึงที่แฟนๆไซโก้บ้านเรานิยมกันพอสมควร
คือ SKX779K1 และ SKX781K1 สองตัวนี้ต่างกันที่สีหน้าปัดครับ นอกนั้นหมือนกันครับ

SKX779K1




เม็ดมะยม ล๊อคแบบเกลียว
เครื่องระบบ ออโตเมติก 7S26
ขนาดตัวเรือน 44 มม. หนา 13 มม.
กันน้ำ 200 เมตร
กรอบหน้าหมุนได้ ทิศทางเดียว



ระบบการล๊อค สาย แบบล๊อค 2 ชั้น



ฝาหลังแบบเกลียว




SKX781K1








วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

PIRGET ALTIPLANO 34 and 38 mm with Pav'e Dial



ความบริสุทธิ์และความสง่างามถือเป็นสองคุณลักษณะที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ซึ่งมีอยู่ในคอลเลคชั่นนาฬิกา Altiplano ของ Piaget และเนื่องจากได้รับสมยานามในฐานะแบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับอัญมณีแล้ว Piaget จึงขอนำเสนอนาฬิกาคอลเลคชั่น Altiplano สองขนาดที่มีหน้าปัดงดงามด้วยการประดับเพชรนั่นเอง


ตัวเรือนมีให้เลือกสองขนาดคืดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 34 และ 38 มิลลิเมตร ผลิตตัวเรือนขึ้นจากทองคำ 18 กะรัต สำหรับตัวเรือนขนาด 34 มิลลิเมตร จะประดับตัวเรือนด้วยเพขรทรง brilliant - cut จำนวน 72 เม็ด น้ำหนักประมาณ 0.5 กะรัต บนหน้าปัดประดับเพชรเต็มหน้าปัดด้วยเพชรทรง brilliant - cut จำนาน 574 เม็ด น้ำหนักประมาณ 1.7 กะรัต ส่วนตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรจะประดับตัวเรือนด้วยเพชรทรง brilliant - cut จำนาน 78 เม็ด น้ำหนักประมาณ 0.7 กะรัต บนหน้าปัดประดับเพชรเต็มหน้าปัดด้วยเพชรทรง brilliant - cut จำนวน 735 เม็ด น้ำหนักประมาณ 2.1 กะรัต
นาฬิกาทั้งสองขนาดบรรจุด้วยกลไกไขลานด้วยมือที่มีความบางเป็นพิเศษผลิตโดยโรงงานของ Piaget เอง คาลิเบอร์ 430P แสดงเวลาเป็นชั่งโมงและนาที มีทับทิม 18 เม็ด เดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังลานได้นาน 40 ชั่วโมง สายนาฬิกาเป็นสายหนังจระเข้แท้สีดำพร้อมหัวเข็มขัดล็อกสายผลิตจากทองคำขาว 18 กะรัตประดับด้วยเพชรทรง brilliant - cut จำนวน 23 เม็ด น้ำหนักประมาณ 0.04 กะรัต

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

CORUW Golden Tourbillon on Panoramique Grey Sapphire

CORUW
Golden Tourbillon on Panoramique Grey Sapphire


นาฬิกากลไกไขลาน ฟังก์ชั่นการทำงานทูร์บิญอง ตัวเรือนทำจากทองคำขาว18Kมีทั้งแบบเรียบ หรือแบบประดับเพชรลูกนํ้าหนึ่งและเพชรแท่ง ตลับฝาหลัง กระจกแซฟไฟร์สีหม่น หรูคลาสสิคไม่เสื่อมคลายคุณค่าแก่การสะสม เป็นนาฬิกาข้อมือสุดหรูอีกตัวนึง จากยี่ห้อคุณภาพอย่าง CORUW





วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

VACHERON CONSTANTIN Quai de I Ile Retrograde Annual Calendar

VACHERON CONSTANTIN
Quai de I Ile Retrograde Annual Calendar

Vacheron Constantinเผยโฉมคอลเลคชั่น Quai de I Ileที่ทันสมัยในปี2008ปัจจุบันถูปรับปรุงใหม่ด้วยนาฬิการุ่นRetrograde Annual Calendarซึ่งใช้กลไกใหม่คือ คาลิเบอร์ 2460 QRAและตัวเรือนขนาดใหม่43มิลลิเมตร และหน้าปัดใหม่ให้เลือก

ตัวเรือนมีให้เลือก3แบบคือ ทองคำชมพู 5N 18กะรัต ทองคำขาว18กะรัต และทองคำชมพูและทองคำขาวในเรือนเดียวกันกลไกภายในเป็นคาลิเบอร์ 2460 QRAเป็นกลไกที่Vacheron Constantinพัฒนาและสร้างขึ้นเอง มีทับทิม27เม็ด เดินด้วยความถี่28800ครั้งต่อชั่วโมง โรเตอร์ขึ้นลานสร้างจากทองคำ22กะรัต สามารถปรับแต่งความเที่ยงตรงเมื่อนาฬิกาวางตัวอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันถึง5ตำแหน่ง มีพลังงานสำรองลานนาน43ชั่วโมง

มาพร้อมฟังก์ชั่นบอกชั่วโมง นาที วินาที บนหน้าปัดย่อย ตกแต่งลวดลายที่บริเวณกึ่งกลางหน้าปัด นาฬิกาแต่ละรุ่นจะมีสายให้มาพร้อมกันสองชุดคือ สายหนังจระเข้สีดำหรือสีน้ำตาล และสายยางสีดำหรือสีน้ำตาลอีกหนึ่งเส้น

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

PARMIGIANI FLEURIER Toric Chronograph Tourbillon Skeleton Platinum

PARMIGIANI FLEURIER
Toric Chronograph Tourbillon Skeleton Platinum


นาฬิกาข้อมือที่นำกลไกทูร์บิญองอันสะท้อนความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมเข้ากับฟังก์ชั่นการทำงานแบบโครโนกราฟในตัวเรือนแพลตทินั่มทรงกลมพิเศษด้วยหน้าปัดสเกเลตัน กันนํ้าลึก30เมตร ขนาดตัวเรือน 44mm ระบบออโตเมติก มาพร้อมสายหนังสีดำ Limited Edition ผลิตจำนวน 10 เรือน


A.LANGE SOHNE Datograph Perpetual






วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

HAMILTON‏ Khaki Sky Master UTC



แรงบันดาลใจจากผลงานชื่อดังจากหน้าประวัติเก่าแก่ของแบรนด์ สู่อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ได้รับการถ่ายทอดออกมาได้อ่างสมบูรณ์แบบ รังสรรค์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไลน์คอลเลคชั่นสปอร์ตจับเวลาสำหรับการบิน กากี สกาย มาสเตอร์ ยูทีซี (Khaki Master UTC) ที่ปีนี้นำเสนอคอนเซปต์ผู้ช่วยเครื่องมือนำทาง ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นสุดพิเศษอย่าง Sidereal Time หรือ เวลาทางดาราศาสตร์ ที่มาจากภาษาละตินว่า Sidus ซึ่งกล่าวถึงเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบเมื่อเทียบกับดวงดาว
กากี สกาย มาสเตอร์ ยูทีซี นาฬิกาตัวเรือนสปอร์ตกลมรูปลักษณ์หมดจดร่วมสมัย เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 42 มิลลิเมตร ประกอบขึ้นด้วยสเตนเลสสตีลแล้วนำมาปัดด้าน แมชเข้ากับพื้นหน้าปัดดีไซน์เรียบ มีให้เลือกสามสีคือ สีดำ สีเงิน หรือสีเทา แสดงเวลาด้วยตัวเลขอารบิกและเข็มขนาดใหญ่ เคลือบสารเรืองแสง SuperLumiNova กระจกหน้าปัดเป็นคริสตัลแซฟไฟร์กันแสงสะท้อน เม็ดมะยมด้านข้างตกแต่งยอดด้วยแซฟไฟร์คาร์โบซอง บรรจุมาพร้อมกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ ETA 28932-2 แบบ GTM 24 ชั่วโมง มีพลังงานสำรองลาน 42 ชั่วโมง แสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที วินาที วันที่และระบบไทม์โซนที่สองบอกเวลาควบคู่ด้วย 24 IATA airport codes หรือชื่อย่อสนามบินแต่ละแห่งใน 24 เมืองทั่วโลก และสามารถดูวันที่ได้บนหน้าปัดย่อยตำแหน่ง 3 นาฬิกา เข้าเซ็ทหรูหราในสายหนังแท้เนื้อนิ่มหรือสายยางคุณภาพเยี่ยม กันน้ำได้ลึก 300 เมตร

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Oris Swiss Hunter Team PS Edition


Swiss Hunter Team PS Edition

เมื่อครั้งปี 1994 "พาทรุย ชวีส ฮันเตอร์-Patrouille Suisse (PS) Hunter" เครื่องบินอันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของคนสวิส ได้ถูกปลดระวางจากกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์ เหตุการณ์นี้เอง ได้ก่อให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ ทำให้มีบรรดานักบินและผู้ที่ชื่นชอบเครื่องบินต่างพากันออกมาคัดค้าน รวมตัวกันรณรงค์เพื่อเก็บรักษาอากาศยานอันทรงคุณค่าล้ำนี้เอาไว้ที่สุด และหนึ่งเสียงในการสนับสนุนยังรวมถึงแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่างโอรีส (Oris) อีกด้วย
และเพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ โอรีส จึงได้ผลิตนาฬิกา 3 เรือนพิเศษ คือ โอรีสสวิส ฮันเตอร์ทุ้ม พีเอส นาฬิกาจักรกลอัตโนมัติที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์และคุณภาพตามแบบฉบับโอรีส สะท้อนทุกรายละเอียดและการออกแบบอันทรงคุณค่าของนาฬิกาข้อมือสำหรับนักบินอย่างแท้จริง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลและหน้าปัดได้ถูกออกแบบให้มีรายละเอียดของเครื่องมือต่างๆ แบบห้องนักบิน เข็มชั่งโมง นาที และวินาที ที่ตำแหน่งศูนย์กลางของตัวเรือน ตัวเลขและมาร์คเกอร์แสดงชั่วโมง เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา พร้อมติดสัญลักษณ์กากบาทของสวิส ที่ด้านปลายของเข็มวินาที กระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้งรูปโดม เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งด้านนอกและด้านใน ฝาหลังพิมพ์ตราสัญลักษณ์ของสวิส ฮันเตอร์ทีมบรรจุด้วยเครื่อง คาลิเบอร์ 733 พัฒนาจากเครื่อง Sellita Cal. SW200เม็ดมะยมเป็นแบบขันเกลียว กันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
บรรจุมาเป็นเซ็ตพร้อมผ้าพันคอไหมลาย สวิส ฮันเตอร์ และใบประกาศนียบัตร
สามารถเลือกได้ในแบบหน้าปัดสีเทา ขนาด 44 มิลลิเมตร แลั 38 มิลลิเมตร หรือเรือน 38 มิลลิเมตรในรุ่นหน้าปัดสีเงินประดับเพชร

จริงหรือไม่ที่ว่านาฬิกานั้นเป็นแค่เครื่องบอกเวลาหรือเครื่องประดับ

 ก่อนที่ทุก ๆ ท่านจะอ่านบทความนี้ ผมมีคำถามเล็ก ๆ สำหรับทุก ๆ คน โดยขอท่านตั้งคำถามสำหรับตัวท่านในใจว่า นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของท่านที่...