วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นาฬิกาข้อมือ Hublot F1 King Power

Hublot (อูโบลต์) เข้าสู่โลกมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว ในฐานะผู้สร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับสนับสนุนการแข่งขันรถสูตร 1 อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติประวัติที่น่าจดจำ จึงแนะนำนาฬิการุ่นพิเศษเอาใจคอสปอร์ตผู้ชื่นชอบความแรง โดยเฉพาะกับ F1 King Power (เอฟวัน คิง เพาเวอร์) นาฬิกาข้อมือสปอร์ตสไตล์ดุดันของตัวเรือนขนาด 48m ผลิตจากวัสดุคุณภาพ 4ชนิด ได้แก่ Zerconium(เซอร์โคเนียม) เรซิ่นไทเทเนียม และเซรามิก เด่นด้วยการนำเอกลักษณ์ ของจานเบรกมาใช้ตกแต่งขอบตัวเรือน ปุ่มกดออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมและทรงกลม หุ้มด้วยยาง พื้นหน้าปัดมัลติเลเยอร์เคลือบ นิเกิลสีดำขลับ แสดงเวลาแบบสองเข็มครึ่ง ผสานด้วยฟังก์ชั่นจับเวลา ผ่านหน้าปัดย่อยที่เหลืออย่างลงตัว พร้อมเคลือบสารสารเรืองแสง Red Super Luminova บนเข็ม และ Black Super Luminova บนหลักบอกเวลา เพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยช่อง หน้าต่างบอกวันที่ระหว่าง 4-5นาฬิกา ทำงานด้วยกลไกออโตเมติกโครโนกราฟ Cal.HUB 4100 ประกอบกับสายยางที่ตกแต่ง ด้วยวัสดุเฉพาะ "Black Nomex" ปั๊มลาย F1ไว้ด้านในอย่างแยบยล ความแรงแห่งโลก F1

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Ulysse Nardin Monaco 2010 Marine Diver Limited Edition

Ulysse Nardin เปิดตัวนาฬิกาข้อมือดำน้ำรุ่นใหม่ Monaco 2010 Marine Diver Limited Edition ในงานมหกรรมเรือยอชท์ที่โมนาโค Ulysse Nardin สยบมหาสมุทรอีกครั้งด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของงานมหกรรมแสดงเรือยอชท์สุดหรูหราระดับโลกที่โมนาโค 2010 Monaco Yacht Show

 และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองมหกรรมการแสดงเรือยอชท์ครั้งที่ 20 นี้ Ulysse Nardin ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่น Limited Edition รุ่นใหม่ Monaco 2010 Marine Diver สร้างสรรค์อย่างพิเศษเพื่อเป็นอนุสรย์ในงานระว่างวันที่ 22-25 กันยายนที่ Port Hurcules ราชอาณาจักรโมนาโค นวัตกรรมแห่งเวลาในอุดมคติของเหล่าผู้คลั่งใคล้เรือยอชท์ ออกแบบมาเพื่อความเป็นหนึ่งในวงการนาฬิกาและเพื่อบรรดาแฟนพันธ์แท้ นอกจากนั้นยังเพื่อเป็นเกียรติต่ออาณาจักรอันเป็นประวัติศาสตร์ของทะเลเมดิเตอเรเนียนแห่งนี้ และยังเป็น

เกียรติประวัติอย่างสูงของ Ulysse Nadin อึกด้วย นับตั้งแต่ปี 1846 ที่ Ulysse Nadin เป็นเพื่อนร่วมทางของเหล่ากัปตันและลูกเรือด้วยฟั่งชั่น Marine Chronometer ความละเอียดสูงที่ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน เพื่อเติมเต็มให้กับ Marine Diver Collection นาฬิการุ่นพิเศษนี้สร้างขึ้นเพียง 100 เรือนและมีหมายเลขจำเพาะ

 Ulysse Nardin โชว์วิวัฒนาการเทคนิคในการสร้างนาฬิกาของพวกเค้า ด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลชนิดพิเศษที่ผ่านกรรมวิธีชุปผิวแข็งด้วยกำมะถันอันซับซ้อน ได้มาซึ่งตัวเรือนขนาด 45.8mm ที่มีพื้นผิวคล้ายกับถูกเคลือบด้วยยางสีดำ ให้ความรู้สึกสปอร์ตและผ่อนคลาย เมื่อมองที่ฝาหลังจะรู้ได้ว่ามันเป็นกลไกออโตเมติค Self-winding ให้มุมมองที่อ่อนโยนด้วยลวดลายคลื่นที่ประดับบนพื้นผิวสีดำ มีตัวบอกระดับพลังงานสำรองและเข็มวินาทีขนาดใหญ่ กันน้ำลึก 200m สายยาง Monaco ที่เชื่อใจได้มาพร้อมกับเข็มขัดล้อค

เซรามิคสีดำ นับเป็นปีที่ 2 แล้วที่ Ulysse Nardin ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของมหกรรมโชว์ระดับโลกรายการนี้ จึงต้องมีอะไรพิเศษเพื่อเป็นเกีรติต่องานด้วยนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษนี้ Monaco 2010 Marine Diver Limited Edition จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อร่วมแสดงความยินดี เช่นเดียวกับประวัติการท่องเที่ยวไปในท้องทะเลของ Ulysse Nardin

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

H. MOSER & CIE Moser Perpetual Moon

H. MOSER & CIE

Moser Perpetual Moon

H. MOSER & CIE (เอช. โมเชอร์ แอนด์ ซี) ผู้สร้างสรรค์ศิลปะแห่งนาฬิกาข้อมือที่ยึดแนวคลาสสิกสามัญ แต่เน้นความพิถีพิถันในการสร้างสรรค์ทั้งภายนอกภายใน เร้นด้วยความซับซ้อนของกลไกลขับเคลื่อน เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นงานศิลปะจากช่างฝีมือชั้นสูง Moser Perpetual Moon (โมเซอร์ เพอร์เพ็ทชวล มูน) นาฬิกาอัจฉริยะหน้าตาคลาสิกที่มาพร้อมความสามารถที่ไม่ธรรมดาของฟังก์ชั่น Perpetual Moon พัฒนาการแห่งระบบแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมที่เพิ่มความแม่นยำใกล้เคียงสูงสุด โดยคำนวณค่าเฉลี่ยในระยะโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งมีระยะการโคจรต่อรอบเท่ากับ 29 วัน 12 ชั่วโมง 44 ชั่วโมง 0.23 วินาที และนำผลที่ได้มาประยุกต์ปรับแต่งเกียร์ในการขับเคลื่อนกลไกลข้างขึ้น-ข้างแรมให้เคลื่อนคล้อยอย่างแม่นยำ แสดงผลในรูปแบบดวงจันทร์ผ่านพื้นหน้าปัดที่ดีไซน์สไตล์คลาสิก ความเยี่ยมยอดนี้บรรจุรวมในชุดกลไกลไขลาน Cal.HMC348.901 ระบบตลับลานคู่ สามารถสำรองพลังงานได้นาน7วัน บรรจุอยู่ในตัวเรือนแพลทินัมหรือทองสีกุหลาบ 18K ขนาด 40.8 มิลลิเมตร

Grand Seiko คอลเลคชั่นฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศ

ตุลาคม 2010

Grand Seiko คอลเลคชั่นฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งความทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศ

SEIKO WATCH CORPORATION มีความภูมิใจเป็นอย่งยิ่งที่จะแนะนำนาฬิกาข้อมือคอลเลคชัั่นใหม่ในรุ่น Limited Edition เนื่องในโอกาศฉลองครบรอบ 50 ปีของ Grand Seiko ในคอลเลคชั่นนี้มีนาฬิกาทั้งหมด 6 แบบ ที่มาพร้อมกับระบบกลไกขับเคลื่อนใหม่ที่สมบูรณ์แบบมากกว่าที่เคยมีในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา Grand Seiko คือนาฬิกาที่ธรรมดาแต่สวยงามมากที่สุดเท่าที่ Seiko เคยสร้างมา จาก Grand Seiko เรือนแรกที่ผลิตขึ้นในปี 1960 จนกระทั่งปัจจุบันรุ่นล่าสุดที่ใช้กลไกออโตเมติคความถี่สูงถึง 36,000 vph Grand Seiko ทุกเรือนแบ่งปันความสวยงามในการออกแบบและฟังชั่นที่มีประโยชน์จนมีชื่อเสียงถึงทุกวันนี้

.

2010 ปีแห่งการเฉลิมฉลองแด่ความเป็นตำนาน

คอลเลคชั่นฉลองครบรอบ 50 ปีนี้ประกอบด้วยกลไก Spring Drive, Quartz และ Automatic นาฬิกาทุกเรือนนี้ใช้กลไกมารตฐานระดับสูงมากกว่าที่เคยเป็น และทุกเรือนจะมีเครื่องหมาย Grand Seiko รูปสิงห์โตอันโด่งดังที่หน้าปัด ในรุ่น Spring Drive และ Automatic จะถูกประดับด้วยทองคำ 18 กะรัตไว้ที่ตัวโรเตอร์ พร้อมเครื่องหมาย "50th Anniversary 1960-2010" และ Serial No. บนฝาหลังทุกเรือน

Spring Drive สำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปีนี้ใช้กลไก Spring Drive รุ่นใหม่ Caliber 9R565 ความละเอียดสูง กลไก Spring Drive เป็นเครื่องสุดหรูของ Seiko กลไกใหม่นี้ให้ความเที่ยงตรงที่ 10 วินาที/เดือน ช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ของ Seiko ได้เลือกสรรค์ผลึกชนิดพิเศษสำหรับ Legulator เพื่อให้ได้มาซึ่งความเที่ยงตรงระดับนี้

นาฬิกาเรือนโลหะและพลาตินั่ม สายหนังจรเขัก็มีในคอลเลคชั่นนี้ด้วย

Caliber 9R15

-บอกเวลาแบบ 3 เข็ม

-แสดงวันที่

-แสดงระดับพลังงานสำรอง

-ระบบออโตเมติคพร้อมขึ้นได้ด้วยเม็ดมะยม

-ทับทิม 30 เม็ด

-สำรองพลังงานสูงสุด 72 ชั่วโมง

-ความเที่ยงตรง 10 วินาที/เดือน

-ขนาดเครื่อง 30mm หนา 5.1mm

Model SBGA055

ตัวเรือนสเตนเลส ฝาหลังเปลือย

สายสเตนเลสพับ 3 ชั้นพร้อมปุ่มปลดล้อค

กระจก Sapphire ความคมชัดสูงแบบ Dual-curved เคลือบกันแสงสะท้อน

ขนาด 41mm หนา 12.5mm

กันน้ำลึก 10m

ความสามารถต่อต้านอำนาจสนามแม่เหล็ก 4800 A/m (60 gauss)

รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 300 เรือน

ราคาขายส่งประมาณ 577,000 Yen

Model SBGA065

ตัวเรือนrพลาตินั่ม ฝาหลังเปลือย

สายหนังจรเข้ เข็มจัดพลาตินั่ม

กระจก Sapphire แบบ Raised เคลือบกันแสงสะท้อน

ขนาด 40.2mm หนา 12.8mm

กันน้ำลึก 10m

ความสามารถต่อต้านอำนาจสนามแม่เหล็ก 4800 A/m (60 gauss)

รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 30 เรือน

ราคาขายส่งประมาณ 2,100,000 Yen

Quartz

นาฬิกาข้อมือ Caliber 9F62 Quartz ถูกเลือกมาสำหรับโอกาศพิเศษนี้ ความเที่ยงตรงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาที 5 วินาที/ปี ด้วยการคัดเลือกผลึก Quartz อย่างพิถีพิถัน สัญลักษณ์ 5 เหลี่ยมคือตัวแทนความเที่ยงตรงนี้นี่เอง

Model SBGX075

เครื่อง 9F62

-บอกเวลาแบบ 3 เข็ม

-แสดงวันที่

-แสดงระดับพลังงานสำรอง

-กลไกเปลี่ยนวันที่ฉับไว

-ระบบปรับอัตดนมัติ

-ทับทิม 9 เม็ด

-แบตเตอรี่อายุการใช้งาน 3 ปี

-ความเที่ยงตรง 5 วินาที/ปี

-ขนาดเครื่อง 26mm x 26.8mm หนา 3.1mm (ไม่รวมแบตเตอรี่)

ตัวเรือนสเตนเลสสตีล

สายสเตนเลสพับ 3 ชั้นพร้อมปุ่มปลดล้อค

กระจก Sapphire ความคมชัดสูงแบบ Dual-curved เคลือบกันแสงสะท้อน

ขนาด 37.0mm หนา 10.0mm

กันน้ำลึก 10m

ความสามารถต่อต้านอำนาจสนามแม่เหล็ก 4800 A/m (60 gauss)

รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 500 เรือน

ราคาขายส่งประมาณ 315,000 Yen

ออโตเมติก

ด้วยมารตฐานของ Grand Seiko ทำให้กลไกออโตเมติคของ Grand Seiko มีมารคฐานสูงกว่า มาตรฐานสากลของ Chronometer อย่างไรก็ตาม สำหรับโอกาศพิเศษนี้มันยังไม่เพียงพอ ดังนั้นกลไกรุ่นใหม่ที่สะสมพลังงานสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมงและเที่ยงตรงถึง -1/+5 วินาที/วัน จึงถูกนำมาใช้

Model SBGR065 (หน้าปัดสีขาว)

Model SBGR075 (หน้าปัดสีดำ)

Caliber 9S65

-บอกเวลาแบบ 3 เข็ม

-แสดงวันที่

-ออโตเมติคพร้อมขึ้นลานได้ด้วยเม็ดมะยม

-ทำงานที่ความถึ่ 28,000 vph

-ทับทิม 35 เม็ด

-สำรองพลังงานสูงสุด 72 ชั่วโมง

-ความเที่ยงตรง -1/+5 วินาที/วัน

-ขนาดเครื่อง 28.4mm หนา 6.0mm

ตัวเรือนสเตนเลส ฝาหลังเปลือย

สายสเตนเลสพับ 3 ชั้นพร้อมปุ่มปลดล้อค

กระจก Sapphire ความคมชัดสูงแบบ Dual-curved เคลือบกันแสงสะท้อน

ขนาด 37.0mm หนา 13.3mm

กันน้ำลึก 10m

ความสามารถต่อต้านอำนาจสนามแม่เหล็ก 10,000 A/m (125 gauss)

รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 500 เรือน

ราคาขายส่งประมาณ 472,000 Yen

.

เพิ่มเติมด้วยเครื่องความถี่สูง 36,000 vph มาพร้อมกับความเที่ยงตรงที่มากกว่าที่ -2/+4 วินาที/วัน โลโก้บ่งบอกความพิเศษ "SPECIAL" สีทองประดับไว้บนหน้าปัด ทำให้หวนนึกถึง "Special" รุ่นแรกที่ผลิตในปี 1970

Model SBGH015

Caliber 9S85

-บอกเวลาแบบ 3 เข็ม

-แสดงวันที่

-ออโตเมติคพร้อมขึ้นลานได้ด้วยเม็ดมะยม

-ทำงานที่ความถึ่ 36,000 vph

-ทับทิม 37 เม็ด

-สำรองพลังงานสูงสุด 55 ชั่วโมง

-ความเที่ยงตรง -2/+4 วินาที/วัน (ในสภาวะคงที่)

-ขนาดเครื่อง 28.4mm หนา 6.0mm

.

ตัวเรือนสเตนเลส ฝาหลังเปลือย

สายสเตนเลสพับ 3 ชั้นพร้อมปุ่มปลดล้อค

กระจก Sapphire ความคมชัดสูงแบบ Dual-curved เคลือบกันแสงสะท้อน

ขนาด 40.2mm หนา 13.0mm

กันน้ำลึก 10m

ความสามารถต่อต้านอำนาจสนามแม่เหล็ก 10,000 A/m (125 gauss)

รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 300 เรือน

ราคาขายส่งประมาณ 682,500 Yen

เครดิตบทความ Seiko Watch Corporation

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

TAG HEUER 150 Anniversary Thailand Limited Edition

TAG HEUER

Carrera Automatic Chronograph Calibre 16 Day-Date 150 Anniversary Thailand Limited Edition

ตัวแทนแห่งสายสัมพันธ์ ชื่อของ TAG Heuer (แทค ฮอยเออร์) เป็นที่รู้จักในหมู่คนรักนาฬิกาชาว ไทยเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ รับใช้ในฐานะเพื่อนคู่ข้อมือซึ่งทำหน้าที่บอกเวลาด้วยมาตรฐานระดับสูงพร้อม รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อเกิดสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง TAG Heure และประเทศไทยและในโอกาสครบรอบ 150 ปีของ TAG Heure จึงขอย้ำความผูกพันอันยาวนานด้วยคอลเลกชั่นพิเศษ Carrera Automatic Chronograph Calibre 16 Day-Date 150 Anniversary Thailand Limited Edition (คาร์เรรา ออโตเมติก โครโนกราฟ คาบิเบรอ 16 เดย์-เดท 150 แอนนิเวอร์ซารี ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด เอ

Carrera เป็นชื่อที่ได้รับมาจากการแข่งขันรถยนต์ในสภาวะหฤโหด ‘Carrera Panamericana’ (คาร์เรรา แพนอเมริ กานา) ในประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ปี 1964 นาฬิการุ่นนี้จึงมีเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ที่เน้นความสปอร์ต ผสานกับสมรรถนะแห่งคุณภาพเหนือระดับสร้างความประทับใจให้คอนาฬิกาข้อมือทั่ว โลกอย่างไร้ข้อบกพร่อง และในรุ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อคนไทยนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ผ่านตัวเรือนสเตนเลสสสตีลขนาด 43.0 มิลลิเมตร กับน้ำได้ลึก 100 เมตร วงแหวนขอบตัวเรือนประดับ ‘Tachymeter Scale’ (ทาคีมิเตอร์ สเกล) ผลิตจากอะลูมิเนียมสีดำขลับ รับกับพื้นหน้าปัดสีเดียวกันแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่ง โดยแยกเข็มวินาทีออกไปไว้ในหน้าปัดย่อยที่ 9 นาฬิกา เดินอย่างสะดุดตาอยู่บนผืนธงไตรรงค์พร้อมข้อความ ‘150 Anniversary Thailand Limited Edition’ ล้อมตามแนวขอบจักเวลาผ่านเข็มวินาทีสีแดงสดร่วมกับวงหน้าปัดย่อยที่ 12 และ 6 นาฬิกา ซึ่งทำหน้าที่จับเวลา 30 นาทีและ 12 ชั่วโมงตามลำดับ เติมเต็มประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์แบบด้วยช่องหน้าต่างยาว ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาซึ่งเจาะไว้เพื่อแสดงวันและวันที่ ควบคุมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกลำกโครโนกราฟอัตโนมัติ Cal.16 ซึ่งขัดแต่งอย่างพิถีพิถัน โดยสามารถชมความสามาถของกลไกผ่านฝาหลังที่ผนึกด้วยคริสตัลแซพไฟร์ พร้อม สัญลักษณ์ ‘Tag Heuer 150 Anniversary’ คอเลกชั่นพิเศษนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพียง 100 เรือนเท่านั้น และสำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้ครอบครองนาฬิการุ่นพิเศษนี้ จะได้รับหนังสืออนุสรณ์ ‘TAG Heuer: 150 Years’ โดยเป็นหนังสือภาพที่แสดงเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ เกี่ยวกับ TAG Heuer ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยความหนากว่า 200 หน้า เป็นที่ระลึกอีกด้วย นับเป็นความพิเศษสำหรับคนไทยที่มาพร้อมความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

จากหนังสือ Watch World-Wide

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

นาฬิกาข้อมือ ไซโก้ Sportura Kinetic Chrograph

Sportura Kinetic Chrograph

นาฬิกาข้อมือ ไซโก้ Sportura Kinetic Chrograph สปอร์ตโครโนกราฟที่พัฒนาการดีไซน์พร้อมฟังก์ชันพิเศษ นำเอาเทคโนโลยีของระบบจักกลรุ่นใหม่ล่าสุด Kinetic นวัตกรรมหนึ่งเดียวของ SEIKO ที่ผสมผสานไว้ในนวัตกรรมเรือนสปอร์ตรุ่นล่าสุด โครโนกราฟฟังก์ชัน จับเวลาได้ละเอียดถึง 1/5 วินาที ได้นาน 45 นาที สำรองพลังงานได้นานถึง 5 เดือน กระจกคริสตัลซัฟไฟร์ที่กันแสงสะท้อนและรอยขีดข่วน เม็ดมะยมเกลียว ตัวเรือนเรือนสเตนเลสสตีล โดยเคลือบ Black IP Coating ฝาหลังเปลือยให้เห็นการทำงานของเครื่อง กันน้ำ 100 เมตร มีให้เลือก 2 สไตล์สายหนังสปอร์ตสีดำเข้มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายของชิ้นส่วนรถแข่ง เอฟวัน (SNL043P2) และเท่อย่างมีระดับอีกสไตล์กับสายสเตนเลสสตีล (SNL043) สาวกไซโก้ อย่าพลาด

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

ไซโก้ กลไกแห่งการพัฒนา Seiko in Number

ตำนานของไซโก้ คือตำนานขององกรค์ที่ไม่กลัวที่จะฝันและปราถนาในสิ่งที่เหมือนจะเป็นไปไม่ ได้ ตลอดระยะเวลา 127 ปี ไซโก้ได้สร้างต้นแบบเทคโนโลยีแห่งการเวลาถึง 4 ชนิดนั่นคือ Spring Drive, Mechanical, Kinetic และ Quartz.

ไซโก้ ได้พัฒนากลไกเหล่านี้จากความชำนาญในระดับสูงสุด แต่ละชนิดถูกพัฒนาต่อไปและแตกแขนงออกไปอย่างไม่กลัวที่จะฝันถึงในสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ ตำนานไซโก้ คือตำนานแห่งพัฒนาการทางเทคโนโลยี ความสัมพันธ์เหล่านี้ถูกบ่งบอกในรูปแบบหมายเลข

Cal. 290 เป็นกลไกต้นแบบของ Magic Lever นาฬิกาไขลานอัตโนมัติที่ออกมาเมื่อปี 1959 Magic Lever เป็นชิ้นส่วนสำคัญของนาฬิกาแบบ Gyro Marvel self-winding ที่ใช้เครื่องรุ่น 290 ชิ้นส่วนที่สำคัญนี้เป็นตัวเปลี่ยนการแกว่งของโรเตอร์เป็นพลังงานให้กับ นาฬิกาไม่ว่าโรเตอร์จะแกว่งไปทางไหน คานชิ้นนี้ก็จะหมุนไปในทิศทางเดียวตลอดเพื่อขันลานให้กับ Main Spring เป็นเวลาเกือบ 50 ปีแล้วที่มันแพร่หลายอยู่ในตลาดและมันก็เป็นเทคโนโลยีต้นแบบของ Seiko Spring Drive ที่ออกมาในปี 2005

1/400 QC-951 Crystal Chronometer ขนาดลดลง 400 เท่าจากปกติที่ใหญ่โตขนาดตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ QC-951 เป็น Quartz Chronometer ที่ถูกพํฒนาขึ้นเพื่อใช้จับเวลาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 1964 เป็นนาฬิกาจับเวลาแบบพกพาที่ใช้ระบบ quartz เรือนแรกที่พัฒนาขึ้นโดย Seiko ปี 1974 จึงเป็นปีเริ่มต้นของการจับเวลาที่แม่นยำถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

1278 นาฬิกาจับเวลาของ Seiko จำนวน 1,278 เรือนถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่โตเกียวในปี 1974 ด้วยความทุ่มเทและเสียสละของวิศวกรของ Seiko มั่นใจได้ว่าไม่มีความผิดพลาดในเสี้ยววินาที และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Seiko นับแต่นั้นเป็นต้นมา

6425 มาตรฐานสากล ISO 6425 ถูกกำหนดขึ้นโดยอ้างอิงค์จากนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ไซโก้ ได้พัฒนานาฬิกาดำน้ำมาอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่นแรกที่ออกสู่ตลาดในปี 1965 และได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจอย่างสูงจากทั่วโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

1 Seiko ได้รับรางวัล "Best mechanical chronometer" ด้วยคะแนนสูงสุดตั้งแต่เคยมีมาในการประกวด Geneva Observatory Competition ในปี 1968 เป็นคะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสน์ของงานนี้ ส่งผลให้ Seiko ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

1969 นาฬิกาข้อมือ Quartz เรือนแรกของโลก Astron จาก Seiko วางตลาดในปี 1969 จากเทคโนโลยีที่ใช้ในการแข่งขัน ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับทุกคน จัดว่าเป็นเหตุการสำคัญทึ่สุดเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสน์ของ Seiko มันได้รับรางวัล IEEE milestone award ในปี 2004 ปัจจุบันการออกแบบนาฬิกา Quartz ของ Seiko เป็นมาตรฐานสำหรับทั่วโลก เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างหลากหลายเช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ตอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งกล้องดิจิตอล

1986 นาฬิกาข้อมือ Kinetic ของ Seiko เผยโฉมครั้งแรกในงาน Basel ในปี 1986 จากนั้นเป็นต้นมา กลไก Kinetic ของ Seiko กลายเป็นกลไกพื้นฐานสำคัญของนาฬิกา Mechanical watch ของ Seiko จนกระทั่งพัฒนามาเป็น Spring Drive ใที่สุด

60000 ตัวขับเคลื่อนพลังงาน Kinetic ของนาฬิกา Seiko ทำงานที่ 60,000 รอบ/นาที เป็นจำนวนรอบบการทำงานของ oscillating weight ที่มีรอบจัดมากกว่าเครื่องรถฟอมูล่าวัน 4,000 ถึง 20,000 รอบ/นาที

3 การปรับตำแหน่งที่ละเอียดอ่อน 3 ตำแหน่งในครั้งเดียว three-point hammer ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Seiko โดยชิ้นส่วนหนึ่งชั้นที่ทำการ reset เข็มทั้งสามของเครื่อง Chronograph 8R ไปที่ตำแหน่ง 0 โดยการกดเพียงครั้งเดียว ช่องว่างระหว่างจุดศูนย์กลางของกระเดื่องและแกน Guide Axis คือตวามลับของระบบนี้

จริงหรือไม่ที่ว่านาฬิกานั้นเป็นแค่เครื่องบอกเวลาหรือเครื่องประดับ

 ก่อนที่ทุก ๆ ท่านจะอ่านบทความนี้ ผมมีคำถามเล็ก ๆ สำหรับทุก ๆ คน โดยขอท่านตั้งคำถามสำหรับตัวท่านในใจว่า นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของท่านที่...