วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

อินเฮ้าส์ตัวจริง‏ (ต่อจากตอนที่แล้ว)


" ตอนนี้ Escapement ที่ใช้คือ Clinergic ของสวิสซึ่งเดินที่ความถี่สูง 28,800 VPH ชุด Balance ประเด็นที่น่าสนใจก็คือหลังจากที่ TAG Heuer ได้พัฒนาเครื่องใหม่ ให้มีความบางลงเล็กน้อย 7.13 มิลลิเมตร ในขณะที่เส้นผ่าศูนย์กลางของเครื่องก็ยาวขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของนาฬิกาในปัจจุบันที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนักคือ 29.3 มิลลิเมตร สรุปก็คือเป็นเครื่องขนาดกำลังดี ไม่ได้บางพิเศษอะไรสำหรับเครื่องจับเวลากลไกอัตโนมัติ อย่างเครื่อง EI Primero ก็หนาเพียง 6.5 มิลลิเมตร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าเครื่องรุ่นนี้ขนาดกำลังดีและไม่ได้ใหญ่เกินไป ทำให้ TAG Heuer สามารถนำไปใส่ในตัวเรือนนาฬิกาทั้งที่มีขนาดใหญ่และเล็กได้ "

" ที่สำคัญคือว่าเครื่องรุ่นนี้ได้รับการขัดแต่งอย่างเหมาสมตามมาตรฐานสวิส ทั้งลาย Cotes de Geneve ลายก้นหอย การลบเหลี่ยมมุมด้วยกระบวนการ Diamond Polishing พร้อมกับใช้ Blue Colum Wheel ด้วยสกรูว์คุณภาพดี และเครื่องนาฬิการุ่นนี้ยังเดินดีอีกด้วย " Roberts กล่าวอย่างไม่ลังเลว่า " TAG Heuer สมควรมีสิทธิ์เรียกเครื่องรุ่นนี้ว่าเป็นเครื่องอินเฮ้าส์ได้แล้ว ในกรณีนี้ผมว่าเราสามารถพูดได้แล้วว่านี่คือเครื่องอินเฮ้าส์ของ TAG Heuer อย่างแท้จริง เหตุผลน่ะหรือครับ ก็เพราะว่า TAG Heuer เขาออกแบบเครื่องนี้ใหม่หมดแล้วและผลิตทุกชิ้นส่วนเอง "

ขยายกำลังและศักยภาพ‏
เนื่องด้วยขนาดของ TAG Heuer จึงมีความน่าจะเป็นว่าบริษัทจะต้องการเก็บเครื่องทั้งหมดที่ผลิตไว้ใช้เอง แต่ก็คงจะเป็นเรื่องตลกไม่ใช่เล่นหากวันหนึ่ง TAG Heuer มีกำลังการผลิตเครื่องได้มากพอที่จะขายให้กับแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่สามารถผลิตเครื่องขึ้นใช้เองได้หลังจากที่ Swatch Group เลิกขายเครื่องให้แล้ว ปัจจุบันนี้ TAG Heuer มีกำลังในการผลิต เริ่มต้นที่ 25,000 เครื่องต่อปี และมีแผนในการเพิ่มอัตราอีก 10,000 เครื่องต่อปี ขณะนี้ TAG Heuer ใช้เครื่องรุ่นดังกล่าวในนาฬิกาเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น หลังจากนี้ก็น่าจะมีการโมดิฟายเพิ่มเติมเพื่อการใช้งานในนาฬิการุ่นอื่นๆ ต่อไป



ดังที่ Roberts กล่าวว่า " เครื่องรุ่นนี้มีต้นทุนในการผลิตสูงมาก แต่ถ้าคุณสามารถผลิตได้ 50,000 เครื่อง ต้นทุนก็จะลดลง และถ้าคุณทำได้อีก 200,000 เครื่อง ต้นทุนก็จะยิ่งลดลงมาอีก ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ไปปีต่อปีความคุ้มในการผลิตก็จะเกิดขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนของการซื้อเครื่อง Valjoux นี่เป็นเหตุผลหลักที่หลายต่อหลายบริษัทเริ่มผลิตเครื่องอินเฮ้าส์กันเอง ผมไม่คิดว่าอยู่ดีๆ TAG Heuer หรือ Breitling จะลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนี้หากไม่ได้เป็นกังวลเรื่องการจะเลิกเครื่องให้ในอนาคต " หนึ่งข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ก็คือราคาค่าตัวของ Carrera Calibre 1887 ซึ่งตั้งไว้ถูกเหลือเชื่อเพียง £ 2,350 เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น